เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 19 มิ.ย. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงว่า ทุกท่านคงจะทราบดี ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าประเทศกัมพูชาถูกจับตาเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก เบื้องหลังขององค์กรต้มตุ๋น และรายงานจากการค้ามนุษย์นี้ ปรากฏแน่ชัดว่าได้รับการเอื้อประโยชน์จากโครงสร้างรัฐและชนชั้นปกครองระดับสูง ทั้งนี้ หนึ่งในรายงานที่ถูกเผยแพร่จัดทำโดยสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ได้กล่าวโดยละเอียดถึงกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมไซเบอร์ และการฉ้อโกงทางออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีแผนที่ที่มีระบบฐานปฏิบัติการของกลุ่มมิจฉาชีพหลายแห่งอย่างชัดเจน ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย โดยเฉพาะเมืองปอยเปต ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายแดนกัมพูชา ตรงข้ามกับ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ สำหรับเครือข่ายอาชญากรรม ที่พยายามแทรกซึมเข้ามาในตลาดของประเทศไทย
นายประเสริฐ กล่าวว่า ตนในฐานะรองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลฯ ได้พยายามหยุดยั้งปัญหาอาชญากรรมด้านไซเบอร์และการฉ้อโกงทางออนไลน์ทุกรูปแบบ สถิติที่ได้รับรายงานเมื่อเดือน มิ.ย. 2568 ทันทีที่เรามีคำสั่งเปิดปิดด่านเป็นช่วงๆ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2568 การแจ้งความออนไลน์ลดจาก 1,300 ราย เหลือ 900 ราย ในวันที่ 8 มิ.ย. 2568 ทันทีหลังการปิดด่านได้เพียง 1 วัน ถึงแม้ในบางช่วงจะมีสถิติแนวโน้มเพิ่มกลับขึ้นมาแต่ก็ยังคงต่ำกว่าช่วงที่ไม่มีการปิดด่าน และกลับมาลดลงหลังจากมีคำสั่งห้ามคนไทยข้ามไปทำงานที่กัมพูชา
นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า และหากย้อนสถิติเมื่อช่วงวันที่ 1 มี.ค. 2565 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2566 พบว่า รายงานการหลอกลวงทางออนไลน์ 229,000 รายงาน มูลค่าความเสียหายประมาณ 34,000 ล้านบาท และเมื่อมีการเปิดศูนย์ AOC 1441 เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2566 ต่อมาวันที่ 1 มี.ค. 2567 ถึง มี.ค. 2568 เราได้มีการจัดการคดีมากกว่า 1.18 ล้านคดี และมีการระงับบัญชีมากกว่า 520,000 บัญชี สามารถป้องกันการสูญเสียเงินของประชาชนมากกว่า 19,964 ล้านบาท คิดเป็นลดความเสียหายลงกว่า 42 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุดจากการรวบรวมข้อมูลวันที่ 1 พ.ย. 2566 ถึงวันที่ 31 พ.ค. 2568 สายด่วน AOC 1441 ได้รับสายร้องเรียนทั้งสิ้น 1,769,000 สาย ระงับบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง 680,000 บัญชี และตรวจสอบความเสียหายเป็นมูลค่า 29,750 ล้านบาท
“จากข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นเป็นที่น่าสังเกตว่าการปิดด่าน การตัดไฟ ตัดเน็ต บ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าสามารถทำให้อาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์และการฉ้อโกงทางออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เราดำเนินการอาจจะส่งผลกระทบกับพี่น้องประชาชนไปบ้าง แต่สิ่งที่ได้เห็นในภาพรวมคือเราสามารถลดการสูญเสียหรือความเสียหายในรูปของตัวเงินได้เป็นจำนวนมาก” นายประเสริฐ กล่าวและว่า ท้ายที่สุดสิ่งที่ตนและรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางด้านไซเบอร์ เช่น การกำหนดมาตรการบัญชีม้า การกำหนดมาตรการและการตรวจสอบการลงทะเบียนยืนยันตัวตน (sendername) เพิ่มความเข้มข้นในการระงับการให้บริการโทรคมนาคม การจัดทำกฎกระทรวงหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติในการคืนเงินให้กับผู้เสียหาย รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางฐานข้อมูลศูนย์สปอท. เร่งจัดทำระเบียบกระทรวงดิจิทัลฯ ว่าด้วยการปฏิบัติงานของศูนย์เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์และอีกมาตรการที่กำลังเดินเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าการตัดเน็ตตัดไฟทำให้ลดปัญหาอาชญากรรมลงไปได้มาก ดังนั้นจะมีข้อเสนอให้ตัดในทุกด่านและทำอย่างถาวรหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูที่มาตรการของทางกองทัพด้วย ซึ่งจะต้องให้ความเห็นในเรื่องนี้