เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.68 พล.อ.ต.สุรพล นะวะมวัฒน์ โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า “อย่าให้คนอื่นปั่นหัวเราได้ง่ายๆ: บทเรียนจากคลิปเสียง สู่สงครามในสนามประชาธิปไตย”

“เกมใหญ่ไม่ใช่ของคนไร้แผน… ผู้นำที่ดีไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ แต่ต้องมีทีมที่ไม่โง่ไปกับอารมณ์ของศัตรู”

ในฐานะนายทหารเก่าที่ผ่านการวางแผน ยืนหยัด และเจรจาในหลายเหตุการณ์ของความขัดแย้งทางการเมืองมาแล้ว ขอใช้โอกาสนี้เตือนสติคนไทยทุกคนด้วยใจบริสุทธิ์ว่า “สงครามรูปแบบใหม่” ไม่ได้ยิงด้วยปืนหรือปล่อยระเบิด แต่มันยิงด้วยข้อมูล ดิสเครดิต ปั่นกระแส จนทำให้ศัตรูแตกกันเอง แล้วรอเก็บผลประโยชน์อย่างใจเย็น

และวันนี้… นั่นคือสิ่งที่ ฮุนเซน กำลังทำกับประเทศไทย

คลิปเสียงที่ไม่ควรมี แต่กลับถูกใช้เป็นอาวุธลองคิดง่ายๆ ถ้าเพื่อนคุณอัดเสียงตอนคุยกัน แล้วเอาไปปล่อยให้คนอื่นฟัง โดยไม่มีเจตนาอะไรนอกจาก ให้คุณทะเลาะกับคนในบ้าน คุณจะยังเรียกคนนี้ว่า เพื่อน ได้อยู่ไหม? มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่แค่การไม่มีมารยาททางการทูต แต่นี่คือการโจมตีเสถียรภาพของประเทศอีกฝ่ายอย่างแยบยล แล้วที่น่ากลัวกว่าคือ คนไทยบางกลุ่มกลับตีความตามอารมณ์ ปล่อยให้ความไม่ชอบส่วนตัวไปบดบังความจริงอย่าเป็น “เวนรูนี่”

ในสงครามการทูตเรื่องนี้ ทำให้นึกถึงฟุตบอลโลก 2006 ที่ เวย์น รูนี่ย์ โดนใบแดงเพราะถูกเพื่อนร่วมทีมสโมสรอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด ล่อฟาวล์ในสนามทีมชาติ แล้วโดนใบแดงถามว่า… ทีมชาติอังกฤษเลิกเชียร์เวนรูนี่ไหม?ไม่เลย… พวกเขาเลือกที่จะ วางแผนใหม่ และเดินหน้าต่อเราก็เช่นกัน…

ต่อให้ผู้นำจะพลาด หรือน่าอึดอัดใจขนาดไหนในคำพูดที่หลุดออกมา แต่หน้าที่ของพวกเราคือ ไม่ให้ประเทศเสียหลัก ไม่เปิดช่องให้ศัตรูยิ้มเยาะว่าเราทะเลาะกันเองจนล้มย้อนประวัติศาสตร์: ยุบสภา ≠ ทางออกในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา “การยุบสภา” ไม่เคยนำพาไทยกลับสู่ประชาธิปไตยได้อย่างราบรื่นเลยซักครั้ง

ปี 2549: ทักษิณยุบสภา → เลือกตั้งโมฆะ → รัฐประหาร ปี 2557: ยิ่งลักษณ์ยุบสภา → เลือกตั้งโมฆะ → รัฐประหาร

ถ้าครั้งนี้ก็ ยุบสภาอีก เพื่อหนีปัญหา นั่นไม่ต่างจากการ “เดินเข้าไปในกับดักซ้ำอีกครั้ง” และถ้ารัฐประหารเกิดขึ้นจริง ความช่วยเหลือจากนานาชาติก็จะหายหมด เราจะเหลือแค่ ประเทศที่ถูกตัดขาดและรอให้เพื่อนบ้านกลืนกินทีละคำ ฮุนเซนไม่ได้ฉลาดกว่าเรา… แต่เขา “วางแผนเป็น” ฮุนเซนต้องการเปิดด่าน เพราะคาสิโนเขาเจ๊ง และไม่อยากให้ไทยมีคาสิโน เพราะมันจะกระทบรายได้เขา

ด่านชายแดนที่ปิดอยู่ตอนนี้ = เงินที่หายไปทุกวันเขารู้ว่าถ้าไทยวุ่นวาย วุ่นเอง แตกกันเอง ไม่มีเสถียรภาพเขาจะได้ทุกอย่าง โดยไม่ต้องยิงปืนแม้แต่นัดเดียวทางเลือกมี แต่มีทางไหนที่เราไม่เคยลอง?

นายกฯ ลาออก = ประเทศเสียเวลาเปลี่ยนถ่ายอำนาจอีกหลายเดือน ยุบสภา = ความเสี่ยงซ้ำซากซึ่งประวัติศาสตร์เคยเตือนเราแล้ว รัฐประหาร = เสถียรภาพปลอมที่ต้องแลกด้วยศักดิ์ศรีระดับนานาชาติ นายกฯ ปรับ ครม. เดินหน้าแก้ปัญหา = อาจไม่ถูกใจ แต่พาประเทศเดินต่อได้

ประชาธิปไตยต้องมากับ “สมาธิ-สติ” ไม่ใช่ “อารมณ์”หากเราเรียกร้องเสรีภาพ แต่กลับพร้อมจะด่าคนเห็นต่างทุกวัน…

นั่นไม่ใช่ประชาธิปไตย นั่นคือ สงครามกลางเมืองไซเบอร์ที่ทำให้เขมรชนะ โดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย

ความคิดเห็นส่วนตัวจากคนที่เคยอยู่ในสนามรบจริง:ในสงครามจริง “ศัตรูที่อันตรายที่สุด” ไม่ใช่คนที่อยู่ตรงหน้า แต่คือคนในทีมเดียวกันที่แตกแยกกันเอง

วันนี้คนไทยต้องไม่ทะเลาะกันเองเพราะคลิปเสียง ต้องไม่แตกกันเพราะคำว่า “ยุบสภา” หรือ “ลาออก”แต่ต้อง ยืนยันร่วมกันว่า ไม่เอารัฐประหารอีกแล้ว ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย อย่าให้เขมร “คบได้กี่โมง” เพราะเราต้อง “คบกันเองให้ได้ก่อน”

ก่อนที่คนอื่นจะปั่นหัว จนเราไม่เหลือหัวให้คิด#หยุดก่อนจะเสียประเทศ #อย่าปล่อยให้ใครปั่นเรา #เราเคยผ่านมันมาแล้วอย่าทำซ้ำอีกด้วยความรักและเคารพอย่างจริงใจของ อดีตนายทหารที่เชื่อว่าประชาชนมีศักยภาพพอจะไม่โดนปั่นอีกต่อไป