สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองภายในของอิหร่านนับจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงหรือเกิดการล่มสลายอย่างไร “เป็นเรื่องของชาวอิหร่านเท่านั้น”
เนทันยาฮูกล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ อิสราเอลจึงไม่ได้ประกาศว่า เรื่องนั้นคือ “เป้าหมาย” แต่อาจเป็น “ผลลัพธ์” และยืนยันว่า อิสราเอลมีศักยภาพ “กำจัด” ศักยภาพทั้งหมดของอิหร่านที่เกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์ ไม่ว่ารัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าร่วมภารกิจทางทหารครั้งนี้หรือไม่
Israeli Prime Minister Benjamin Netanyahu says #Israel is “changing the face of the world” – not just the Middle East – in its war with #Iran, and adds that Israel has destroyed “more than half” of Iran’s missile launchers.https://t.co/2kNC9HILbX
— Al Arabiya English (@AlArabiya_Eng) June 19, 2025
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า จริงอยู่ที่สหรัฐเป็นประเทศแห่งเดียว ซึ่งมีศักยภาพทางทหารเพียงพอ ที่จะสามารถโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ เนื่องจากสหรัฐมี “ระเบิดเจาะทะลวงขนาดยักษ์” รหัส “จีบียู-57” ซึ่งเป็นอาวุธเจาะบังเกอร์เพียงชนิดเดียว ที่สามารถเข้าถึงโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ แต่ไม่ได้หมายความว่า “สหรัฐต้องทำแบบนั้น”
ทั้งนี้ โรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ตั้งอยู่ใต้ดิน “ในระดับลึกมาก” ในสถานที่ซึ่งเคยเป็นฐานทัพของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) มีระบบรักษาความปลอดอย่างแน่นหนา และได้รับการออกแบบเพื่อให้สามารถทนต่อการโจมตีทางอากาศแบบทั่วไปได้.
เครดิตภาพ : AFP