เฟซบุ๊ก กรุงเทพมหานคร แจ้งประชาสัมพันธ์ เนื่องจากสายโทรศัพท์และสายสื่อสารของ NT ถูกขโมยตัดไป ทำให้ไม่สามารถติดต่อ กทม. ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 0 2221 2141-69 ได้ชั่วคราว ทั้งนี้ หากมีเรื่องร้องเรียนยังสามารถติดต่อผ่าน สายด่วน 1555 และ Traffy Fondue ได้
ซึ่งปัญหานี้มีมาอย่างต่อเนื่องหลายปีแล้ว โดย สำนักการโยธา (สนย.) กทม. เก็บข้อมูลสาเหตุของไฟฟ้าดับริมถนนในพื้นที่กรุงเทพฯ คิดเป็นอุปกรณ์ชำรุดร้อยละ 50 รองลงมาคือ สายไฟถูกขโมย ร้อยละ 35 ความชื้น ร้อยละ 10 สาย Main ขาดร้อยละ 4 และภัยธรรมชาติ ร้อยละ1 ซึ่งแบ่งเป็นทรัพย์สินของ กทม. ถึงร้อยละ 80 การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ร้อยละ 10 และอีกร้อยละ 10 เป็นของหน่วยงานอื่น ๆ

ขณะที่สถิติแจ้งความดำเนินคดีการถูกลักขโมยนั้น สนย. ปี 2566 จำนวน 13 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 16,343,085 บาท ปี 2567 จำนวน 21 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 9,218,188 บาท ปี 2568 จำนวน 12 เรื่อง มูลค่าความเสียหาย 12,725,533.86 บาท รวมระยะทาง 23,809 เมตร รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 40 ล้านบาท
3 ปี กทม. เสียหายมากขนาดนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. จึงไม่ทนเป็นฝ่ายตั้งรับอีกต่อไป สั่งจัดการโจรขโมยสายไฟเหล่านี้อย่างเด็ดขาด “เปิดยุทธการช็อตโจรขโมยสายไฟ” ประกาศเป็นวาระเมือง ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมการปกครอง ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน (บก.สส.) บช.น. และหน่วยงานภายในของ กทม. เพื่อล่าตัวผู้กระทำผิดลักลอบขโมยสายไฟฟ้า ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าส่องสว่างดับ
รวมถึงมอบนโยบายตรงถึงผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต ดำเนินการสำรวจร้านรับซื้อของเก่า และประชาสัมพันธ์ให้ร้านรับซื้อของเก่าที่ได้รับอนุญาตไม่รับซื้อสายไฟที่ต้องสงสัยว่าถูกขโมย

“เรื่องโจรลักขโมยสายไฟ ถือเป็นปัญหาใหญ่ส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับในหลายพื้นที่ ถือเป็นวาระแห่งเมืองที่ต้องเอาจริงเอาจัง ทุกเขตต้องไปสำรวจในพื้นที่ว่ามีร้านรับซื้อขายของเก่าทั้งหมดกี่ร้าน พร้อมขอความร่วมมือและแจ้งให้ทราบ ถึงมาตรการหากรับซื้อของโจร เน้นย้ำทุกเขตต้องร่วมมือร่วมใจกัน ต้องหาประชาชนเป็นแนวร่วม เพราะเรื่องนี้สร้างความเสียหายมูลค่ามหาศาล” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ส่งสารโดยตรงถึงคณะผู้บริหาร กทม.และหัวหน้าหน่วยงานของ กทม. ในการประชุมเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ขณะที่ นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัด กทม. รับลูกคำสั่งปฏิบัติการ “ยุทธการช็อตโจรขโมยสายไฟ” ทันที โดยสั่งการให้สำนักงานเขตร่วมกับสำนักอนามัย ขอความร่วมมือกรมการปกครองและสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่ โดยตรวจสอบใบอนุญาต และให้ปฏิบัติตามมาตรการกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมรายงานผลให้สำนักการโยธารวบรวมภายในวันที่ 4 ก.ค. 68

และให้สำนักงานเขตและสำนักงานประชาสัมพันธ์ มีหนังสือแจ้งผู้ประกอบกิจการรับซื้อของเก่าให้ทราบถึงมาตรการตามกฎหมายและบทกำหนดโทษต่าง ๆ หากรับซื้อของโจร รวมถึงประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ประกอบกิจการร้านรับซื้อของเก่าและประชาชน หากพบเห็นการลักลอบตัดสายไฟ หรือมีสิ่งของต้องสงสัยว่าเป็นของทางราชการ สามารถแจ้งได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือแจ้งสถานีตำรวจในท้องที่ หรือแจ้งทางแพลตฟอร์ม Traffy Fondue โดยทันที

สำหรับบทลงโทษของผู้กระทำความผิด คือผู้ลักสายไฟจะมีโทษจำคุก 1-5 ปี และปรับ 20,000-100,000 บาท หากกระทำในเวลากลางคืน จำคุก 1-7 ปี ปรับ 20,000-140,000 บาท (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335) ส่วนร้านรับซื้อของโจร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากนำของโจรมาขาย มีโทษจำคุก 6 เดือน-10 ปี และปรับ 10,000-200,000 บาท (ตามมาตรา 357)
ด้าน พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. ระบุ ปฏิบัติการนี้ถือเป็นเรื่องดี ในส่วนของตำรวจ หลังจากนี้จะมีการวิเคราะห์พฤติการณ์และแผนประทุษกรรมของคนร้าย เบื้องต้นพบว่าโจรขโมยลักสายไฟฟ้าจะมี 3 กลุ่ม คือ 1. ทำกันเป็นกลุ่มเป็นขบวนการ เช่น มีรถมาจอด ปีนเสา แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ เป็นต้น 2. จะเป็นคนขับซาเล้ง เก็บของเก่าขาย ลักษณะนี้จะทำคนเดียว และ 3. เป็นกลุมวัยรุ่นและผู้เสพยาเสพติดที่ต้องการหาเงินไปซื้อยามาเสพ ทั้งนี้ เมื่อมีคนก่อเหตุแล้วก็ต้องมีผู้รับซื้อ จึงขอเตือนไปยังร้านรับซื้อของเก่า หากพบสิ่งผิดปกติเมื่อมีคนนำทองแดงมาขายให้รีบแจ้งมายัง 191 หรือเจ้าหน้าที่ กทม. เพื่อจับกุม มิเช่นนั้นร้านที่รับซื้อก็อาจจะมีความผิดในข้อหารับซื้อของโจรด้วย

ส่วนแนวทางแก้ปัญหาสายไฟถูกลักขโมยนั้น สนย.กทม. มีมาตรการระยะสั้นเร่งด่วน ด้วยวิธีพาดสายอากาศตามถนนที่พบปัญหาการลักขโมยสายไฟ จำนวน 21 เส้นทาง แก้ไขแล้ว 16 เส้นทาง เช่น ถนนพหลโยธิน ถนนเทิดดำริ ถนนสุขุมวิท ถนนคุ้มเกล้า ถนนศรีนครินทร์–ร่มเกล้า ถนนเทพรักษ์ ถนนสิรินธร Skywalk บางกะปิ เป็นต้น ส่วนแนวทางป้องกันการลักลอบขโมยสายไฟฟ้า
เช่น การกำหนดรูปแบบชุดปฏิบัติงานให้ชัดเจนเพื่อง่ายต่อการสังเกต กำหนดรูปแบบสติกเกอร์สำหรับรถปฏิบัติงานซ่อมแซมไฟฟ้าเร่งด่วน การออกแบบและเลือกวัสดุแข็งแรงป้องกันการตัดและงัดแงะ รวมถึงการติดตั้งระบบ IoT ในตู้ควบคุมระบบไฟฟ้าแสงสว่าง การติด QR Code ที่เสาไฟฟ้าเพื่อสแกนแจ้งเหตุไฟฟ้าดับ ติดตั้ง CCTV ในจุดเสี่ยง จุดล่อแหลม พร้อมบูรณาการจากทุกภาคส่วน ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง สถานีตำรวจนครบาลพื้นที่ วิศวกรรมสถานฯ กรมการปกครอง และภาคประชาชน ร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องนี้.