เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. 68 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาแสดงความเห็นกรณีที่อดีตแกนนำพรรคก้าวไกล-อนาคตใหม่ รวมถึงพรรคประชาชน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ยุบสภา โดยอ้างถึงกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างนายกฯ และสมเด็จฮุน เซน ซึ่งถูกตีความว่าจะกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่กระทบเก้าอี้นายกฯ และเสถียรภาพของรัฐบาล
นายพร้อมพงศ์ ระบุว่า อยากฝากไปถึงผู้ที่ออกมาเรียกร้องว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้านนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าต้องตรวจสอบ ค้าน หรือติติงรัฐบาลได้เต็มที่ เพราะนี่คือหัวใจของประชาธิปไตย แต่การค้านต้องมีวุฒิภาวะ มีเหตุผล และต้องทำตัวเป็นฝ่ายค้านมืออาชีพ ไม่ใช่เอาแต่โวยวายปลุกกระแสเพื่อสร้างภาพให้ตัวเองดูดี แล้วโยนความเสียหายให้ประชาชนทั้งประเทศรับภาระ โดยพฤติกรรมของ ‘น้องส้ม’ ในขณะนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและพี่น้องประชาชนเลย มีแต่ปล่อยวาทกรรมปลุกปั่นรายวัน สร้างความวุ่นวาย หวังสร้างสุญญากาศทางการเมืองเพื่อให้ตัวเองได้เสียบเก้าอี้นายกฯ โดยไม่ต้องเหนื่อยชนะใจประชาชนในสนามเลือกตั้ง
ที่สำคัญ ตลอดสองปีที่ผ่านมา การทำหน้าที่ฝ่ายค้านยังไม่เห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอันหรือเป็นโล้เป็นพาย มีเพียงแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์และการดิสเครดิตนายกฯ แบบรายวัน แต่กลับไม่เคยมีข้อเสนอเชิงสร้างสรรค์ หรือแนวทางแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมให้ประชาชนได้เห็นเลยแม้แต่น้อย
นายพร้อมพงศ์ ย้ำว่า คนที่ไม่เคยทำงานด้านบริหาร ไม่เคยรับผิดชอบประเทศชาติบ้านเมืองมาก่อน ย่อมขาดความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์ทางการเมือง จึงมักจะไร้เดียงสาและมีตรรกะทางการเมืองที่บิดเบี้ยว ต่างจากพรรคเพื่อไทยที่เคยเผชิญรัฐประหารมาแล้วสองครั้ง แกนนำและผู้นำพรรคหลายคนต้องเผชิญคดีจนติดคุก ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน รู้ดีว่าจะจัดการกับสถานการณ์ทางการเมืองอย่างไร เพื่อให้ประเทศเดินหน้าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
แต่น้องส้มกลับมองเพียงมุมเดียวว่า หากยุบสภาเมื่อใด ตนจะได้คะแนนเสียงถล่มทลายและจะได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว ความคิดเช่นนี้ถือว่าไร้เดียงสาทางการเมือง และเป็นตรรกะที่บิดเบี้ยวและอันตรายต่อประเทศชาติ ประเทศไทยเคยเจ็บปวดหลายครั้ง เพราะการจงใจปลุกปั่นให้เกิดการลาออกหรือยุบสภาในช่วงเวลาวิกฤติ ซึ่งสุดท้ายประชาธิปไตยก็ถูกฉีกกลางสภา และอำนาจนอกระบบก็เข้ามายึดกุมอำนาจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตนขอให้หยุดพฤติกรรมการสร้างภาพว่าห่วงบ้านเมือง แต่เบื้องหลังกลับหวังล้มกระดานเพื่อผลประโยชน์ทางอำนาจของตนเอง ฝ่ายค้านที่ดีต้องตรวจสอบเพื่อก่อ ต้องเสนอนโยบายและแนวทางแก้ไขที่ชัดเจน ต้องทำตัวเป็นฝ่ายค้านมืออาชีพ ไม่ใช่ดิสเครดิตนายกฯ แบบรายวัน แล้วคิดว่าประชาชนจะเชื่อคำพูดกลวงๆ ได้ตลอดไป วันนี้พี่น้องประชาชนกำลังจับตาอยู่ทั้งประเทศ ว่าใครทำงานจริง ใครสร้างภาพ ใครคิดเพียงจะเขย่าเก้าอี้คนอื่นเพื่อเสียบแทน
นายพร้อมพงศ์ ทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยวันนี้ต้องการคนทำงาน ไม่ใช่คนสร้างกระแส และการเมืองน้ำเน่าอีกต่อไป