เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2568 กองกำลังบูรพา ได้ยกระดับมาตรการควบคุมพื้นที่ชายแดน เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดและป้องกันการกระทำผิดกฎหมาย โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ห้ามรถจักรยานยนต์ ที่ติดป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขึ้นไป) รวมถึงรถจักรยานยนต์ดัดแปลงทุกประเภทของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนการค้าทุกแห่งในพื้นที่รับผิดชอบ อาทิ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ

มาตรการใหม่นี้ สร้างความปั่นป่วนบริเวณหน้าด่านพรมแดนคลองลึก โดยเจ้าหน้าที่ทหารพรานจาก ชค.ทพ.12 ภายใต้การสั่งการของ พ.อ.เมธี คำเต็ม ผบ.ชค.ทพ.12 และ ร.อ.อาคม มงคลนำ ผบ.ร้อย ทพ.1201 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.คลองลึก นำโดย พ.ต.อ.ภัทรกร ขาวนวล ผกก.สภ.คลองลึก ได้ร่วมกันยืนบริเวณแนวเขตประตู เพื่อแจ้งให้ชาวกัมพูชาทราบถึงข้อกำหนดใหม่

รายงานจากศุลกากรอรัญประเทศระบุว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีรถจักรยานยนต์ของกัมพูชาเข้าออกจำนวนนับพันคัน ซึ่งมากกว่าช่วงปกติที่มีประมาณ 600-700 คันต่อวัน ส่งผลให้ชาวกัมพูชาหลายคน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์และรถเข็นในการประกอบอาชีพในตลาดโรงเกลือ แสดงความกังวลอย่างมากว่ามาตรการนี้จะทำให้เกิดความเดือดร้อน

โดยชาวกัมพูชาที่ขี่รถจักรยานยนต์ กังวลว่าหากนำรถจักรยานยนต์เข้ามาสอบถามถึงการประทับตราเอกสารศุลกากรในไทยจะถูกปรับ 1,000 บาท ซึ่งทางหน่วยงานความมั่นคงได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถจอดรถไว้ที่ฝั่งกัมพูชาและเดินเข้ามาแจ้งกับศุลกากรที่หน้าด่านได้

เจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชา บางรายที่เพิ่งทราบข่าวในเช้าวันนี้ ได้แสดงความเป็นห่วงว่า หากเป็นเช่นนี้ ชาวกัมพูชาจะได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน ขณะที่ชาวกัมพูชาคนหนึ่งให้ความเห็นว่า หากไม่สามารถนำรถจักรยานยนต์เข้ามาได้ ก็จำเป็นต้องจอดรถไว้ที่ฝั่งกัมพูชา และเดินเข้ามาในประเทศไทยแทน

อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวยังคงอนุญาตให้รถยนต์ที่ติดป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และคนกัมพูชาทั่วไป สามารถเข้าออกประเทศไทยได้ตามปกติ โดยมาตรการนี้จะคงอยู่จนกว่ากองกำลังบูรพาจะมีการแจ้งเปลี่ยนแปลง.