เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอให้คัดค้านการแต่งตั้งนายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน เป็นรัฐมนตรี ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)

โดยนายเสกสกล กล่าวว่า หลังจากที่ตนก่อตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติมาเพื่อเป็นพรรคสำรองให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ซึ่งนายพีระพันธ์ุก็ได้มาขอตนเพื่อจะใช้หาเสียงเลือกตั้ง ตนจึงยินยอมให้ แต่ 2 ปีที่ผ่านมา ตนมีเรื่องที่เป็นห่วงคือ 1.การพยายามแอบอ้างนำชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นดีเอ็นเอ ทำให้เสียหาย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ลาออกไป และได้เป็นองคมนตรีแล้ว ยุ่งการเมืองไม่ได้ แต่ผู้ใหญ่ในพรรคถึงเหล่าด้อมนายพีระพันธ์ุ พยายามเอา พล.อ.ประยุทธ์ มาแอบอ้างตลอดเวลา และสิ่งที่ทำให้ตนทุกข์ใจคือ หัวหน้าพรรค บริหารพรรคไม่เป็นไปตามที่ตกลงกับตนไว้ ว่าจะสร้างพรรคให้เกิดความเข้มแข็งและเจริญรุ่งเรือง เพื่อเป็นที่พึ่งพาประชาชน แต่หัวหน้าพรรคทำให้พรรคแตกแยก แตกความสามัคคี จนหลายคนบอกตนว่าหัวหน้าพรรคเอาแต่ความคิดตัวเองเป็นหลัก หัวหน้าพรรคเอาแต่พวกตัวเอง โดยตั้งคนของตัวเองไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง

นายเสกสกล กล่าวว่า 2.นายพีระพันธ์ุ ยังไม่ลาออกจากการถือหุ้นใน 4 บริษัท และยังมีการเคลื่อนไหวของบริษัทอยู่ ซึ่งตามหลักกฎหมายแล้วไม่สามารถทำได้ การจะเป็นรัฐมนตรีจะต้องลาออก และดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้มีผู้ร้องเรียนหลายหน่วยงาน 3. นายพีระพันธ์ุถูกเรียกสอบในเรื่องที่นำป้ายชื่อตัวเองไปติดถุงยังชีพที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ไปชี้แจง 4. นายพีระพันธ์ุ ไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ  ก่อนที่จะลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 2 ของพรรค จากนั้นถึงลาออกย้อนหลัง 40 กว่าวัน ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้ง สส. ที่ผ่านมามีหลายคนยื่นเรื่องนายพีระพันธ์ุให้นายกฯ แต่นายกฯ ไม่ตรวจสอบ ตนมองว่านายพีระพันธ์ุหลอกนายกฯ 

นายเสกสกล กล่าวว่า สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เห็นว่านายพีระพันธ์ุซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค พยายามที่ใช้อำนาจครอบงำพรรคโดยไม่เป็นประชาธิปไตย เรื่องนี้ตนเคยคุยกับ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะเลขาฯ พรรคแล้ว ว่าหัวหน้าพรรคไม่ฟังใครเลย พยายามโหนกระแส พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งด้อมนายพีระพันธ์ุไปเลียนแบบด้อมพรรคส้มมาซึ่งไม่ควรทำ ตนได้คุยกับนายเอกนัฏแล้ว ส่วนตัวของตนนั้นใจอยากเชียร์นายเอกนัฏเป็นหัวหน้าพรรคแทน ซึ่งเดิมทีเคยมีข่าวว่านายพีระพันธ์ุจะปลดนายเอกนัฏออกจากเลขาฯ พรรค แต่ตัวนายเอกนัฏเป็น สส.รุ่นใหม่ ไม่อยากมีปัญหาจึงปรับตัวจนสามารถทำงานให้พรรคได้ 

นายเสกสกล กล่าวต่อว่า ตนยังมองอีกว่า คนในพรรคอย่างนายเอกนัฏ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และนายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ที่มีศักยภาพพร้อมสามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ โดยในวันที่มีการแถลงข่าวที่พรรค ในกรณีจุดยืนของพรรคว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ เห็นได้ชัดเจนว่าให้นักข่าวไปรอถึง 2 ชม. รวมถึงมติพรรค หัวหน้าพรรคก็ไม่ได้มีการแถลง แต่ให้ 2 คนคือนายวิทยา แก้วภราดัย  รองหัวหน้าพรรค และนายจุติ มาให้สัมภาษณ์แทน ว่าให้หัวหน้าพรรคไปเจรจากับนายกฯ ก่อน โดยให้นายกฯ ลาออกและให้คนอื่นเป็นแทน จึงจะยอมร่วมรัฐบาล แต่กลับมีข่าวต่อมาว่า นายกฯ ต่อรองขอให้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณวาระที่ 2 และ 3 อีก 3 เดือนก่อน เดี๋ยวจะลาออกให้ 

นายเสกสกล กล่าวต่อว่า อีกทั้งยังมีข่าวว่านายเนวิน ชิดชอบ ประธานบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) สนับสนุนนายพีระพันธุ์เป็นนายกฯ หาก น.ส.แพทองธาร ไปต่อไม่ได้ และที่ให้โฆษกพรรคออกมาพูดว่า สิ่งที่นายวิทยาและนายจุติ ออกมาบอกไม่ใช่มติพรรค อำนาจผู้บอกมติพรรคเป็นนายพีระพันธุ์เท่านั้น จึงมองว่าพรรคเผด็จการใช่หรือไม่ เมื่อการให้ข่าวของนายวิทยา และนายจุตินั้น ไม่ตรงกับที่หัวหน้าพรรคต้องเอาปี๊บคุมหัว หรือไม่ก็ต้องลาออกจาก สส. 

นายเสกสกล กล่าวต่อว่า วันนี้ตนจึงมายื่นหนังสือถึงนายกฯ ว่า ต้องพึงระวังว่ามีบุคคลที่เคยกระทำผิด ที่จะถูกแต่งตั้งเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรี ขณะนี้องค์กรอิสระกำลังไต่สวนอยู่ โดยเรื่องจะไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ หากตรวจสอบแล้วพบว่านายพีระพันธุ์มีความผิด ก็จะมีคนไปร้องเรียนท่านนายกฯ ให้พ้นตำแหน่ง เหมือนกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ อีกทั้งตนห่วงใยพรรค และต้องการเปลี่ยนหัวหน้าพรรค จึงอยากเตือนนายกฯ ว่าการปรับ ครม. ในครั้งนี้ อยากให้ปรับนายพีระพันธุ์ออกจากตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.พลังงาน ก่อนที่นายกฯ จะเดือดร้อน