สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ว่า คำกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ผู้นำสเปน อาจทำให้เกิดการปะทะกับทรัมป์ หลังผู้นำสหรัฐกดดันให้ประเทศสมาชิกนาโตเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหม ในการประชุม 2 วัน ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันอังคารนี้ (24 มิ.ย.)

สเปนเป็นประเทศสุดท้ายที่ไม่ยอมทำตามข้อตกลงประนีประนอม ซึ่งประเทศพันธมิตรในนาโต ต่างให้สัญญาว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเป็น 3.5% ของจีดีพี ในช่วง 10 ปีข้างหน้า รวมถึงการใช้จ่าย 1.5% ของจีดีพี ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศในหมวดหมู่รองลงมา เช่น โครงสร้างพื้นฐาน และความปลอดภัยทางไซเบอร์

นักการทูตหลายคนในนาโต กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งจะถูกเปิดเผยในการประชุมสุดยอด ได้รับการอนุมัติจากประเทศสมาชิกทั้ง 32 ประเทศ และไม่มีการยกเว้นสำหรับรัฐบาลมาดริด ทว่าไม่กี่นาทีต่อมา ซานเชซก็ออกมากล่าวว่า เขาบรรลุข้อตกลงกับนาโต ซึ่งจะทำให้สเปนยังคงเคารพต่อพันธกรณี โดยไม่ต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็น 5% ของจีดีพี

“เราเข้าใจถึงความยากลำบากในบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ และเคารพอย่างเต็มที่ต่อความปรารถนาอันชอบธรรมของประเทศอื่น ๆ ในการเพิ่มการลงทุนด้านการป้องกันประเทศ หากพวกเขาต้องการ แต่เราจะไม่ทำเช่นนั้น” ซานเชซ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวเลขการใช้จ่าย 5% ของจีดีพีนั้น ไม่สมเหตุสมผล และส่งผลเสีย

ขณะนี้ คำกล่าวของซานเชซ ทำให้บรรดานักการทูตของนาโตกังวลว่า จุดยืนของสเปนอาจบ่อนทำลายการแสดงความสามัคคีที่วางแผนมาอย่างระมัดระวัง และความพยายามที่จะทำให้ทรัมป์อยู่เคียงข้างนาโตต่อไป.

เครดิตภาพ : AFP