เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้า 2 รางวัลสำคัญจากเวที GovMedia Conference & Awards 2025 ณ Marina Bay Sands Expo & Convention Centre ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ถือเป็นการยกย่องโครงการและนวัตกรรมของรัฐบาลที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

สำหรับรางวัลแรก คือรางวัล Thailand Infrastructure Project of the Year – Community ที่ได้รับจากความสำเร็จของโครงการ โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด หรือ “Incubation and Acceleration Program towards Smart Livable Cities” ซึ่งดำเนินการภายใต้การกำกับของสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ และได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

โครงการนี้มุ่งเน้นการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ใน 18 เมืองนำร่องทั่วประเทศ ผ่านกลไกความร่วมมือระหว่าง บพท. สมาคมเทศบาลนครและเมือง และมหาวิทยาลัยในพื้นที่ เพื่อออกแบบแนวทางการพัฒนาเมืองตามความต้องการของประชาชนและบริบทของแต่ละพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการประสานพลังของผู้นำเมืองกับพลังทางวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เมืองนำร่องที่เข้าร่วมโครงการครอบคลุมทั่วประเทศ ได้แก่ เทศบาลนครลำปางและเทศบาลเมืองลำพูนร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เทศบาลนครนนทบุรี เทศบาลนครปากเกร็ด และเทศบาลเมืองทุ่งสงร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เทศบาลเมืองพนัสนิคมร่วมกับมหาวิทยาลัยบูรพา เทศบาลเมืองศรีสะเกษร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เทศบาลนครสกลนครร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ร่วมกับมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ เทศบาลเมืองร้อยเอ็ดร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด เทศบาลเมืองสระบุรีร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เทศบาลนครเชียงรายร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เทศบาลนครพิษณุโลกและเทศบาลนครนครสวรรค์ร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวร เทศบาลเมืองแพร่ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และเทศบาลเมืองชุมพรร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบัง

รางวัลที่สอง คือ “Social Equity and Inclusion Initiative of the Year – Human Services” ที่มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ได้รับจากโครงการขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำด้วยการมีส่วนร่วมสำหรับครัวเรือนยากจนของประเทศไทย ซึ่งครอบคลุม 20 จังหวัด ประกอบด้วย ปัตตานี อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน ชัยนาท สุรินทร์ ยโสธร ศรีสะเกษ สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ นราธิวาส อุบลราชธานี ลำปาง พัทลุง นครราชสีมา ร้อยเอ็ด พิษณุโลก เลย และยะลา โครงการนี้เกิดขึ้นจากการที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี และยะลา เป็นพื้นที่ที่เผชิญกับปัญหาความยากจนอย่างต่อเนื่องและอยู่ในกลุ่มจังหวัดที่มีอัตราความยากจนสูงสุดใน 10 อันดับแรกของประเทศ โดยในปี 2566 ประชากรในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีจำนวนทั้งหมด 2,516,735 คน มีคนยากจน 48,119 ครัวเรือน จังหวัดปัตตานีเป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนคนจนสูงที่สุด 22,084 ครัวเรือนหรือ 126,961 คน คิดเป็นร้อยละ 15.06 ของประชากรจังหวัด รองลงมาคือจังหวัดนราธิวาสมีคนจน 13,359 ครัวเรือนหรือ 72,591 คน คิดเป็นร้อยละ 6.87 ของประชากรในจังหวัด และจังหวัดยะลามีคนจน 12,676 ครัวเรือนหรือ 49,748 คน คิดเป็นร้อยละ 8.06 ของประชากรจังหวัด

โครงการ Practical Poverty Alleviation Model (PPAM) ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้กลไกความร่วมมือแบบ Triple Helix Plus ประกอบด้วย สถาบันการศึกษา ภาครัฐ วิสาหกิจชุมชน และภาคเอกชน เริ่มต้นจากการวิเคราะห์ศักยภาพรายครัวเรือนเพื่อหาความเข็มแข็งและจุดอ่อน นำไปสู่การออกแบบ Operating Models ที่เห็นผลทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน 5 รูปแบบ คือ JJOB (ทักษะอาชีพและจัดหางาน) SIE (Social Integrated Enterprise) กองทุนสวัสดิการชุมชน ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหาร และเกษตรกรรมแบบแปลงรวม
เป้าหมายสำคัญของโครงการคือการสร้างโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจรายครัวเรือน และการสร้างกลไกความร่วมมือเพื่อขจัดความยากจนโดยการเพิ่มรายได้ของประชาชนขึ้นร้อยละ 20 ซึ่งสามารถประเมินผลทางเศรษฐกิจรายครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม

ในพิธีรับรางวัล มีผู้แทนจากประเทศไทยเข้าร่วม ประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการหน่วย บพท. นายบรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ดและนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุล ประธานกรรมาธิการสถาบันพัฒนาเมือง สมาคมเทศบาลนครและเมือง และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้ม หัวหน้าโครงการ
การได้รับรางวัลทั้งสองนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของประเทศไทยในการพัฒนานวัตกรรมและโครงการที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม โดยเฉพาะการประสานพลังระหว่างกลไกการบริหารจัดการเชิงพื้นที่เมือง หน่วยงานวิชาการ และหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน ผ่านการใช้พื้นที่เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนา และกระบวนการวิจัยและนวัตกรรมที่เชื่อมโยงกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง