สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศผ่านทรูธ โซเชียล ว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน “มีผลแล้ว” ตั้งแต่เวลา 04.00 น. ตามเวลามาตรฐานสากลของวันอังคาร (11.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) และ “ขออย่าละเมิดข้อตกลง”


ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวว่า ข้อตกลงหยุดยิงจะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป ภายในเวลา 24 ชั่วโมง เริ่มจากอิหร่านยุติภารกิจทางทหารทั้งหมดก่อน แล้วอิสราเอลดำเนินการภายในอีก 12 ชั่วโมงต่อมา เมื่อครบ 24 ชั่วโมง ถือเป็นการยุติการสู้รบซึ่งยืดเยื้อตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา “อย่างเป็นทางการ”


ด้านสถานีโทรทัศน์ช่อง 12 ของอิสราเอล และสำนักข่าวเพรสทีวีของอิหร่าน รายงานตรงกันว่า ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างทั้งสองประเทศมีผลแล้ว แต่ต่างฝ่ายต่างไม่มีการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติม แต่แหล่งข่าวหลายกระแสให้ข้อมูลไปในทางเดียวกัน ว่ามีการหารือกันทั้งทางตรงและทางอ้อม ระหว่างสหรัฐ กับอิสราเอล และอิหร่าน โดยกาตาร์มีบทบาทสำคัญกับการเจรจา


ไม่กี่ชั่วโมงก่อนการหยุดยิงมีผล สำนักงานกู้ภัยแห่งชาติอิสราเอล (เอ็มดีเอ) ออกแถลงการณ์ ว่าขีปนาวุธจากอิหร่านสร้างความเสียหายให้กับอาคารที่พักอาศัย ในเมืองเบียร์ ชีวา ทางตอนใต้ของอิสราเอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 22 คน

ขณะที่อิหร่านยิงขีปนาวุธใส่ฐานทัพอัล-อูเดอิด ของสหรัฐ ที่ตั้งอยู่ในกาตาร์ และเป็นฐานทัพขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐในตะวันออกกลาง แต่ทรัมป์กล่าวว่า “เป็นการตอบโต้ที่อ่อนแอมาก”


ทั้งนี้ อิสราเอลและอิหร่าน สู้รบกันตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยอิสราเอลเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตี อ้างเพื่อทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ที่กำลังจะผลิตอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จ และสถานการณ์ทวีความตึงเครียด เมื่อสหรัฐเข้าร่วมปฏิบัติการกับอิสราเอล ด้วยการโจมตีฐานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน คือ นาทานซ์ อิสฟาฮาน และฟอร์โดว์ เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากการสู้รบครั้งนี้ อิสราเอลยืนยันผู้เสียชีวิตในประเทศอย่างน้อย 28 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 2,463 คน และอิหร่านยืนยันผู้เสียชีวิตในประเทศอย่างน้อย 430 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 3,500 คน.

เครดิตภาพ : AFP