ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group ผู้นำด้านนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร ประกาศเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) ภายในปี 2593 ครอบคลุมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้ง Scope 1, 2 และ 3 ควบคู่ไปกับการดำเนินการเพื่อเป้าหมาย Circularity 100% และการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ตอกย้ำบทบาทในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยแนวทาง ESG มุ่งสู่อนาคตเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และเดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมไทย

‘จรีพร จารุกรสกุล’ ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHA Group กล่าวว่า “เราไม่รอรับความเปลี่ยนแปลง แต่เตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเสี่ยง และสร้างโอกาสจากแนวโน้มโลกที่เปลี่ยนแปลง ด้วยการผสานเทคโนโลยี นวัตกรรม และหลักการดำเนินธุรกิจที่สมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่ล้ำหน้าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”
พร้อมย้ำถึงแนวคิดสำคัญว่า “WHA Group มองว่า Green ต้องกินได้ ความยั่งยืนไม่ใช่ต้นทุน แต่คือการลงทุน” ซึ่งเป็นปรัชญาที่สะท้อนถึงการสร้างความเจริญควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
WHA Group ได้ริเริ่มโครงการหลัก ‘WHA Clean Water for Planet: Powering Industry, Sustaining Life’ ตั้งแต่ปี 2565 โดยมุ่งพัฒนาระบบจัดการน้ำแบบครบวงจรที่เชื่อมโยงระหว่างภาคอุตสาหกรรม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การพัฒนาแหล่งน้ำดิบ บำบัดน้ำเสีย นำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ ไปจนถึงการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ เช่น AI, IoT และ Smart Meter โดยตั้งเป้าในปี 2568 จะบริหารจัดการน้ำรวม 173 ล้านลูกบาศก์เมตร และลดการใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติให้ได้ 25 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ภายในปี 2572 โดยมีตัวอย่างรูปธรรมคือ โครงการบึงประดิษฐ์ วังโตนด ในจังหวัดจันทบุรี บนพื้นที่ 15 ไร่ ซึ่งสามารถบำบัดน้ำเสียได้ถึง 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และขยายรองรับได้ถึง 800 ลูกบาศก์เมตรในอนาคต พร้อมกันนี้ยังจัดกิจกรรมอบรมเยาวชนในพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมกว่า 800 คน เพื่อสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ
นอกจากการบริหารจัดการน้ำแล้ว WHA Group ยังผลักดันการลดคาร์บอนผ่านการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งบนหลังคา บนผิวน้ำ และบนพื้นดิน โดยตั้งเป้ากำลังการผลิตสะสมภายใต้สัญญา Private PPA ให้ได้ 657 เมกะวัตต์ในปี 2568 และเพิ่มเป็น 1,200 เมกะวัตต์ในปี 2572 ซึ่งคาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 683,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
พร้อมกันนี้ กลุ่มบริษัทยังเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายใต้แบรนด์ ‘Mobilix’ โดยตั้งเป้าให้บริการรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจรกว่า 330 คันในไตรมาสแรกของปี 2568 ซึ่งคิดเป็นการลดต้นทุนผู้ประกอบการโลจิสติกส์รวมกว่า 600 ล้านบาท และตั้งเป้าให้บริการรถยนต์ไฟฟ้า 20,000 คันภายในปี 2572 ซึ่งจะช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 280,000 ตันต่อปี
ในด้านการก่อสร้าง WHA Group ยึดหลัก Green Construction โดยใช้วัสดุคาร์บอนต่ำ ส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน และออกแบบอาคารตามแนวคิด Passive Design ตัวอย่างเช่น คลังสินค้า WHA Mega Logistics Center เทพารักษ์ กม.21 อาคาร B ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED Gold เวอร์ชัน 4.1 ซึ่งช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 1.4 แสนกิโลกรัมต่อปี และลดการใช้น้ำได้มากกว่า 3.5 แสนลิตรต่อปี
อีกภารกิจสำคัญที่ WHA Group ให้ความสำคัญคือ การจัดการของเสียอย่างยั่งยืน ด้วยการนำแนวทาง 3R (Reduce, Reuse, Recycle) มาปฏิบัติจริงผ่านหลากหลายโครงการ เช่น การแปรรูปคอนกรีตเหลือใช้เป็นบล็อกปูพื้น 5,500 ก้อน ซึ่งลดของเสียได้ 191 ตัน การรีไซเคิลไส้กรองน้ำ และการแปรรูปน้ำมันใช้แล้วเป็นเชื้อเพลิงอากาศยาน (SAF) โดยในปี 2567 โรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมในโครงการ CCE สามารถเปลี่ยนขยะมากกว่า 1.2 แสนตัน ให้เป็นไฟฟ้าได้มากกว่า 5.4 หมื่นเมกะวัตต์ชั่วโมง รวมโครงการทั้งหมดสามารถลดการปล่อยคาร์บอนรวม 378 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และมีบริษัทเข้าร่วมแล้วกว่า 126 แห่ง
นอกจากนี้ยังดำเนินโครงการเพื่อสังคมใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ การศึกษา การสาธารณสุข การดูแลสิ่งแวดล้อม และการสร้างโอกาสทางอาชีพ โดยมีตัวอย่างโครงการเด่น เช่น WHA E-Job Pool ที่เพิ่มโอกาสการจ้างงานให้คนในพื้นที่ โครงการ Shine Brighter with WHA ที่ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในโรงเรียน และ โครงการ WHA ปันกัน ที่ส่งเสริมสินค้าชุมชน
“WHA Group ไปเพื่อสร้าง โดยเฉพาะสร้างความเจริญควบคู่กับความยั่งยืน ซึ่งอยู่ใน DNA ของ WHA มาตั้งแต่เริ่มต้น เราไม่ได้มองเป็นต้นทุน แต่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคต ทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิด ‘WHA: We Shape The Future’ ที่เรายึดมั่นและผลักดันให้เกิดขึ้นจริง” จรีพรกล่าวสรุป