เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่มูลนิธิปวีณาฯ นางณี อายุ 43 ปี และน.ส.อร อายุ 19 ปี ยายและแม่ (ทั้งสองนามสมมุติ) เดินทางจาก จ.นครปฐม เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความเป็นธรรม โดย น.ส.อร แจ้งว่า ตนต้องสูญเสียลูกสาวที่เพิ่งคลอดออกมาได้ 5 วัน หลังวันที่ 18 มิ.ย. 68 ปวดท้องคลอดลูกตอนตี 2 ของวันที่ 18 มิ.ย. 68 ซึ่งเป็นท้องครั้งแรก ได้เดินทางไปทำคลอดที่โรงพยาบาลอำเภอแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม ระหว่างนอนรอคลอด รู้สึกปวดท้องถี่ขึ้นเรื่อยๆ
กระทั่ง 8 โมงกว่า ปากมดลูกเปิด 8 เซนติเมตร มีน้ำคร่ำและเลือดไหลออกมา เด็กพร้อมจะออก แต่พยาบาลสั่งให้อั้นเอาขาหนีบไขว้กันไว้ข้างหลังก่อน โดยอ้างว่ายังไม่พร้อม และไปดูเคสคลอดลูกอีกคนหนึ่งที่มีภาวะความดันโลหิตสูง จนกระทั่งเวลา 09.00 น.เศษ ลูกของตนคลอดออกมามีภาวะขาดออกซิเจน สำลักขี้เทา ต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลใน อ.เมือง จ.นครปฐม 5 วัน หมอช่วยเหลือเต็มที่แต่ก็ยื้อชีวิตลูกไว้ไม่ได้ เสียชีวิตในเวลาต่อมา

แพทย์ระบุสาเหตุการตาย “ภาวะสำลักขี้เทา” ยายและแม่โศกเศร้าเสียใจมาก และติดใจสาเหตุการให้บริการของโรงพยาบาลปล่อยให้แม่ปวดท้องนานเกินไปจนน้ำคร่ำแตกแล้วแต่ยังไม่ยอมให้คลอด ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียลูกที่อุ้มท้องมา 9 เดือน จึงอยากให้ รพ.ปรับปรุงการให้บริการดูแลเอาใจใส่ผู้ป่วยให้มากกว่านี้ ไม่อยากให้เกิดกับครอบครัวใครอีก และต้องการความเป็นธรรม จึงขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว
หลังรับเรื่อง นางปวีณา ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับ น.ส.อร และครอบครัว โดยจะประสาน นายแพทย์วิโรจน์ รัตนอมรสกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครปฐม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบ 1.การบริการของโรงพยาบาลแห่งที่ 1 ว่าเพราะเหตุใดเมื่อน้ำคร่ำแตกแล้วจึงไม่ทำคลอดให้เด็กออกมา 2.ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของทารกว่าเพราะเหตุใด เพื่อให้กระจ่างและความเป็นธรรมกับ น.ส.อร และครอบครัวต่อไป.