สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศผ่านทรูธ โซเชียล ว่ารัฐบาลวอชิงตันยุติการเจรจาการค้ากับแคนาดา “ทันที” เนื่องจากรัฐบาลอออตตาวาเริ่มใช้ภาษีดิจิทัลเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้เข้าประเทศ 5,900 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 139,876.26 ล้านบาท) ภายในระยะเวลา 5 ปี


จริงอยู่ที่มาตรการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความเคลื่อนไหวของทรัมป์เกิดขึ้น หลังสมาคมอุตสาหกรรมสื่อสารและคอมพิวเตอร์ของสหรัฐรายงานว่า ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องของสหรัฐ “ต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาล” งวดแรก ให้แก่แคนาดา ภายในวันที่ 30 มิ.ย. นี้ ซึ่งบริษัทแต่ละแห่งอาจต้องจ่ายเงินมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 65,196.97 ล้านบาท)


ขณะที่ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า แคนาดากำหนดเพดานภาษีดิจิทัลไว้ที่อัตรา 3% ครอบคลุมบริษัทที่รวมถึง เมตา แอมะซอน และกูเกิล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐบาลวอชิงตันพยายามเจรจาเรื่องนี้มาตลอด แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ


ด้านนายกรัฐมนตรีมาร์ค คาร์นีย์ ผู้นำแคนาดา กล่าวว่า การเจรจาการค้ากับสหรัฐยังคงมีความซับซ้อน เนื่องจากยังมีเรื่องภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม และภาษียานยนต์ ในอัตรา 25% ด้วย ส่วนนายสกอตต์ เบสเซนต์ รมว.การคลังสหรัฐ แสดงความหวังว่า แคนาดาจะยกเลิกภาษีดิจิทัล “ด้วยความหวังดี”


สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางรายงานว่า สหรัฐอาจขยายระยะเวลาเจรจาการค้ากับนานาประเทศออกไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อให้ทุกฝ่ายบรรลุข้อตกลงที่สมบูรณ์แบบร่วมกัน โดยเส้นตายปัจจุบันของการเจรจาคือ วันที่ 9 ก.ค. นี้ หลังทรัมป์ผ่อนผันให้ 90 วัน.

เครดิตภาพ : AFP