เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ขณะที่ ร.ต.อ.ชนินท์ เพชรคำ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมือง จ.สมุทรปราการ ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก น.ส.พิชาภัค ยืนยงคีรีมาศ อายุ 32 ปี เจ้าของธุรกิจ เครื่องนอน ย่านบางปู พร้อมผู้เสียหายอีก 3 คน ได้หอบเอกสารการโอนเงิน และข้อความที่แชทผ่านแอพพิเคขั่นไลน์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ หลังจากถูกหญิงไทยอ้างตัวเป็นนายหน้าสามารถช่วยเหลือดำเนินการต่อวีซ่า เพื่ออยู่ต่อในราชอาณาจักรไทยได้แต่หลังจ่ายเงินและเวลาล่วงเลยไปกว่า 1 ปี หญิงคนดังกล่าว กลับไม่ดำเนินการให้แต่อย่างใด

น.ส.พิชาภัค ผู้เสียหาย ได้กล่าวว่า ตนประกอบกิจการผลิตเครื่องนอน และมีแรงงานงานต่างด้าว 40 คน ต่อมา วีซ่าต่างด้าวของคนงานหมดอายุ ตนจึงจ้างให้ น.ส.ภัทรนรีกานต์ (สงวนนามสกุล) ที่เพื่อนแนะนำให้รู้จัก เนื่องจากอ้างว่า รู้จักกับนายตำรวจสามารถทำการต่อวีซ่าให้กับแรงงานข้ามชาติคนอื่นมาแล้วหลายคน ด้วยบุคลิกน่าเชื่อถือ ตนหลงเชื่อ จึงนำเอกสารไปต่ออายุให้จำนวน 25 คน ตกคนละ 1.3 หมื่นบาท รวมเป็นกว่า 2.3 แสนบาท เวลาผ่านไปนานกว่า 1 ปี น.ส.ภัทรนรีกานต์ กลับนิ่งเฉย ไม่ดำเนินการต่อวีซ่าให้ เมื่อตนทวงถามกลับถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด อ้างว่าติดสถานการณ์โควิ-19 ตนจึงติดต่อเพื่อขอเงินและเอกสารคืน แต่ น.ส.ภัทรนรีกานต์ ไม่ยอมคืนให้ และพยายามปัดความรับผิดชอบ จนทำให้ธุรกิจของตนเกิดความเสียหาย ทำให้แรงงานต่างด้าวของตนทั้งหมดไม่มีพาสปอร์ต เพื่อไปทำอายุวีซ่า จึงทำให้เกิดวิตกกังวลว่าวีซ่าจะหมดอายุลง จึงรวบรวมผู้เสียหายที่ตกอยู่สถานการณ์เดียวกับตน มาแจ้งความ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวมามาดำเนินคดี และดำเนินการคืนเอกสารให้ผู้เสียหายรายอื่นต่อไป.