เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงแนวโน้มของศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีการประชุมปรึกษาหารือในวันที่ 1 ก.คนี้ ซึ่งมีเรื่องสำคัญคือการพิจารณาคำร้องของประธานวุฒิสภาที่ยื่นให้มีการถอดถอนนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กรณีคลิปเสียงพูดคุยทางโทรศัพท์กับสมเด็จฮุน เซน ว่า เรื่องนี้อยู่ที่ศาลว่าจะพิจารณาอย่างไร หากไม่รับคำร้องก็จบ แต่หากศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องแล้วก็ต้องมาว่ากันต่อในประเด็นที่ 2 คือจะมีคำสั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ทั้งนี้หากศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็คิดว่าไม่ได้มีปัญหากระทบอะไรกับการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะต่อให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แต่ก็ยังอยู่ในตำแหน่ง แล้ววันนี้พรรคเพื่อไทยก็มีความพร้อมแล้ว ตามที่มีภาพของนายชัยเกษม นิติสิริ ออกรอบตีกอล์ฟ เป็นการสยบข่าวลือว่ามีปัญหาสุขภาพไม่สามารถรับตำแหน่งนายกฯ ได้แล้ว เรื่องนี้ก็จะเหมือนช่วงที่นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใช้เวลาเพียงประมาณ 3 วัน ก็ประชุมสภาผู้แทนราษฎรโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่ ซึ่งเสียงที่เขารวมกันตอนนี้ไม่ใช่แค่เพื่อโหวต น.ส.แพทองธารเท่านั้น แต่ก็เพื่อโหวตนายกฯ คนต่อไป ที่มีการออกมาระบุว่าตอนนี้เกินครึ่งไปแล้ว

“พรุ่งนี้ (1 ก.ค.) ก็อยู่ที่การโหวตของศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง ถ้าไม่รับคำร้องก็จบ แต่ถ้ารับคำรอก็จะมาถึงเรื่องที่ 2 ว่าจะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ อยู่ที่การโหวตของศาลรัฐธรรมนูญ 5 เสียงขึ้นไป โหวตอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น ถ้าศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ ก็ปฏิบัติหน้าที่แทน ในระหว่างนี้ เพราะอย่าลืมว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เคยถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะฉะนั้นมันไม่ได้มีผลกระทบมากเหมือนคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง แค่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น” ผศ.ปริญญา กล่าว

ผศ.ปริญญา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ถ้านายภูมิธรรมปฏิบัติหน้าที่แทนนายกฯ ถ้านายกฯทำอะไรได้ นายภูมิธรรมก็สามารถทำแทนได้หมด รวมถึงการรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่ เหมือนเมื่อครั้งที่นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ประธานสภาตอนนั้นไม่อยู่ ไปปฏิบัติราชการต่างประเทศ ก็มีรองประธานสภา เป็นคนลงนามแทน รับสนองพระบรมราชโองการแทน ดังนั้นโดยทางกฎหมายมหาชน ไม่มีช่องว่างว่าถ้าถูกนายกฯ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ผู้รักษาราชการก็ลงนามแทน ไม่ได้มีปัญหาอะไรในข้อนั้น แม้กระทั่งในสมัย พล.อ.สุจินดา คราประยูร ลาออกจากตำแหน่ง หลังวันที่ 23 พ.ค.2535 ก็ยังมีรองนายกฯ เพื่อลงนามและสนองพระบรมราชโองการ เพราะฉะนั้นอย่าตีความให้มีทางตัน เรื่องนี้ไม่มีทางตัน มีช่องทางให้สามารถไปได้หมด

เมื่อถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าสมเด็จฮุน เซน แทรกแซงการเมืองภายในประเทศไทยได้สำเร็จใช่หรือไม่ ผศ.ปริญญา กล่าวว่า แน่นอน เพราะสมเด็จฮุน เซน ต้องการล้มรัฐบาลและพูดเองว่าภายใต้รัฐบาลชุดนี้ เจรจากันไม่ได้แล้ว ต้องเป็นนายกฯ คนใหม่ รัฐบาลใหม่ เพราะฉะนั้นเจตนาชัดเจน แต่ว่าเรื่องของเราก็เป็นปัญหาของเราที่ต้องว่ากันไป ตนจึงคิดว่าเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นหรือไม่ ที่ทำให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่ามีความหนักใจ ว่าจะทำเช่นนี้ไปแล้วจะเข้าทางกัมพูชา ข้อนี้ก็ต้องเข้าใจเจตนาของสมเด็จฮุน เซน และก็ต้องเข้าใจด้วยว่าถ้าใครจะอยู่จะไปก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมายของเรา ข้อสำคัญคืออย่าไปเรียกทหารมายึดอำนาจ หรืออย่าไปใช้ช่องทางนอกรัฐธรรมนูญกันอีก ขอให้ใช้ตามกติกา แม้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เราจะเห็นว่ามีข้ออ่อนหลายข้อ แต่ก็ต้องว่ากันไปตามรัฐธรรมนูญ.