เมื่อวันที่ 18 พ.ย. โลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความที่ทาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์วานนี้ (18 พ.ย.) ถึงกรณีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของประชาชนว่า การฉีดวัคซีนวันนี้เราฉีดได้กว่า 70% ซึ่งเป็นระดับที่จะสร้างความปลอดภัยได้ แต่ก็ไม่ได้หยุดฉีดยังมีการเดินหน้าฉีด ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมาย 100 ล้านโด๊ส ในปีนี้ 100% อย่างไรก็ตาม ในส่วนแผนการฉีดที่เหลือจากนี้ไปจนถึงเป้าหมายนั้นคงไม่ได้จะไปออกมาตรการบังคับ หรือต้องไปสร้างแรงจูงใจอะไร แต่ใช้เรื่องของจิตสำนึกในการสร้างความปลอดภัยให้กับตัวเอง และความปลอดภัยให้กับสังคมโดยรวม ซึ่งเรื่องนี้สังคมก็จะเป็นคนกำหนดเอง เช่น หากคนที่ฉีดวัคซีนครบไปนั่งรับประทานอาหารในร้านค้าแห่งหนึ่ง แล้วมีคนไม่ฉีดวัคซีนไปใช้บริการด้วย ทางร้านอาจจะจัดที่นั่งให้เฉพาะ หรือเขาก็อาจจะปฏิเสธไม่ให้บริการ หรือแม้แต่การสมัครงาน จากนี้อาจจะเป็นเงื่อนไขสำคัญในการรับหรือไม่รับเข้าทำงานก็ได้

“วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้คนเราคบค้าสมาคมด้วยเกิดความสบายใจ ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่กระทรวงทำคือการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้คนมาฉีดวัคซีน และในส่วนของผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง พื้นที่ห่างไกล เราก็มีการจัดรถโมบายไปฉีดให้ เรื่องการของจูงใจ หรือให้รางวัลเพื่อให้ฉีดวัคซีนคงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เราต้องแคร์ตัวเอง แคร์คนรอบข้าง การให้รางวัลตัวเองคือการฉีดวัคซีน” นายอนุทิน กล่าว

โดยชาวโลกออนไลน์เห็นว่า การจำกัดสิทธิไม่ให้ประชาชนที่ได้ฉีดวัคซีนโควิด ได้รับการบริการต่างๆ รวมถึงแม้แต่การสมัครงาน เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมถึงแม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ใช่ว่าจะไม่ติดโควิด พร้อมกับตั้งคำถามว่า หากฉีดวัคซีนแล้วแพ้ถึงขั้นพิการและเสียชีวิต นายอนุทินจะรับผิดชอบหรือไม่