เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่รัฐสภา น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ว่า ไม่ใช่ครั้งแรกแต่ในรอบ 20 ปี น.ส.แพทองธาร เป็นคนที่ 5 ที่กำลังจะถูกสอยโดยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบนายกฯ คนใด แต่เราก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ให้นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งหลุดพ้นไปโดยองค์กรอิสระ แต่ในทางกลับกัน ตนคิดว่าเรื่องนี้สะท้อนว่า เวลาที่ผ่านพ้นไป เป็นเรื่องที่น่าเสียดายหากพรรคเพื่อไทย แก้รัฐธรรมนูญตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่อำนาจ ซึ่งพรรคก้าวไกลในขณะนั้นซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ก็ประกาศแล้วว่าเขาพร้อมแก้ไขรัฐธรรมนูญ อีกทั้งทุกพรรคการเมืองก็หาเสียงว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีบางพรรคการเมืองที่รู้สึกว่าใช้วิธีดีลกัน เป็นรายครั้ง เอาตัวรอดเป็นครั้งๆ ไป ง่ายกว่าการแก้ไขที่ต้นตอของปัญหา ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึงวันนี้ก็สายไปแล้ว

เมื่อถามว่า ระยะทางวันนี้ไปจนถึงวันที่ไปถึงมีการพิจารณาคดีมองว่าจะมีสถานการณ์อะไรที่สามารถพลิกเป็นบวกต่อประชาธิปไตยได้หรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ไม่มี วันนี้เรื่องเข้าสู่รางแล้ว ส่วนจะเดินทางไปในทิศทางใดนั้น หากดูจากนายกฯ 4 คนที่ผ่านมาของพรรคเพื่อไทยทั้ง 3 รุ่น และของตระกูลชินวัตร ตนคิดว่าสามารถคาดเดาได้ว่าจะเดินทางไปสู่อะไร แม้ว่าจะไม่อยากให้เกิดขึ้น และขอยืนยันว่าทางเลือกยังมีการยุบสภา ไม่ว่าจะเป็นนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นนักกฎหมายมหาชน ทุกคนต่างยืนยันว่ารักษาการนายกฯ สามารถยุบสภาได้ หากคิดว่าจะยังรักษาระบบไม่ใช่รักษาตัวรอด ยุบสภายังเป็นทางออกเสมอ แม้แต่ตัวนายกฯ ที่ศาลสั่งให้พ้นจากตำแหน่งการยุบสภาก็ยังเป็นทางเลือกอยู่ เพราะกรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ นายวิษณุก็บอกว่าแม้นายกฯ จะถูกให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว ก็ยังมีอำนาจในการยุบสภาได้อยู่ ฉะนั้น ยุบสภาเป็นทางออกที่ดีที่สุด และเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ตนไปออกรายการกับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ก็บอกว่าพรรคภูมิใจไทยก็บอกว่าเลยไปแล้วที่จะพูดถึงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะนายกฯ ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว

“พรรคภูมิใจไทยก็เห็นตรงกันว่ายุบสภาคือทางออกที่ดีที่สุดของประเทศและพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย รวมถึงคิดว่านักการเมืองทุกพรรคก็ไม่ควรที่จะกลัวการเลือกตั้ง วันนี้สถานการณ์ไม่ไปทางตัน การเมืองไม่เป็นทางตัน แต่ทางออกที่มีอยู่คุณอยากเดินไปหรือไม่ นั่นคือการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน เป็นนักการเมืองอย่ากลัวประชาชน อย่ากลัวการเลือกตั้งให้โอกาสประชาชนตัดสินใจ มีหลายคนบอกว่ายุบสภาวันนี้จะเสียเวลา 3-4 เดือน คำถามคือ แล้ววันนี้เราไม่เสียเวลาหรือ นับจากวันที่มีคลิปเสียงออกมา เราเสียเวลาไปแล้วกี่สัปดาห์ กว่าที่ศาลจะพิจารณาและออกคำวินิจฉัยมา ดิฉันเชื่อว่าอาจใช้เวลาถึง 2 เดือน เพราะเป็นคดีสำคัญ และศาลอาจจะอยากให้ความเป็นธรรมกับ น.ส.แพทองธาร อย่างเต็มที่ คงจะต้องใช้เวลา 45-60 วัน และหากนายกฯ หลุดจากตำแหน่ง กว่าจะหาคนครองเสียงข้างมาก คือ 247 เสียง จะได้วันไหน ดิฉันคิดว่าหากยุบสภาตั้งแต่แรก โอกาสที่จะได้นายกฯ และรัฐบาลที่มีเสถียรภาพอาจจะเร็วกว่า” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

เมื่อถามว่ามองว่ามีกระบวนการที่พยายามจะผลักดันนายกฯ คนนอกหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ไม่มี จะมีพวกนักชอบสร้างสุญญากาศ นักสร้างทางตัน นักมโนทางตันขึ้นมา วันนี้ต่อให้มีสถานการณ์ที่หากนายกฯ หลุดจากตำแหน่งไปสู่การเลือกแคนดิเดตเท่าที่มีอยู่ แต่ไม่มีใครครองเสียงข้างมาก 247 เสียงได้ ยกเว้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากองคมนตรี มา ตนเชื่อว่าพรรคการเมือง ยกเว้นพรรคประชาชน น่าจะยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ ซึ่งต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นคนนอก เพราะถือว่ามีชื่ออยู่ และการจิตนาการนายกฯ มาตรา 5 และนายกฯ พระราชทาน ซึ่งไม่มีอยู่จริง และการจะมีนายกฯ พระราชทาน ต้องมีผู้รับสนองตามระบบ

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่การตั้งข้อสังเกตว่ายุบสภาเหมือนเป็นการปิดตายตระกูลชินวัตร จึงไม่เลือกทางนี้ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า หมายความว่า ยอมรับว่าเลือกที่จะเอาตัวรอดมากกว่าให้ประชาชนและประเทศชาติรอด เอาประชาชนและประเทศชาติเป็นตัวประกัน คุณบอกว่าไม่อยากให้ยุบสภา เดี๋ยวจะเกิดสุญญากาศ นายกฯ ไม่มีอำนาจเต็ม แล้ววันนี้นายกฯ มีอำนาจเต็มหรือ วันนี้นายกฯ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งอาจจะถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ถึง 2 เดือน และสุดท้ายอาจจะถูกสอย ก็ต้องเลือกนายกฯ ใหม่อยู่ดี ตนคิดว่าวันนี้ยอมรับความจริงเหมือนที่นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยอมรับดีกว่า ว่าที่ไม่ยอมยุบสภาเป็นเพราะเหตุผลเดียวคือกลัวการเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า หากดูเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม คลิปเสียงหลุดดังกล่าวไปถึงขั้นนั้นแล้วหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ตนไม่อาจก้าวล่วงศาล แต่ความคิดเห็นส่วนตัว ข้อเท็จจริงยุติเพราะ น.ส.แพทองธาร ยอมรับว่าเป็นคลิปเสียงของตัวเองจริง เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ฉะนั้น มีข้อที่จะพิจารณาอยู่ ซึ่งตนไม่เห็นด้วยแต่แรกว่า คำว่าซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ คำว่าฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง มีการใช้วิจารณญาณของตุลาการเท่านั้นเป็นผู้ตัดสิน ส่วนในข้อเท็จจริงตนคิดว่ามันยุติไปหมดแล้ว

ส่วนกรณีการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ตอนนี้เหมือนการเมืองภายในประเทศกลบให้เรื่องเงียบ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า แปลกใจมาก เหมือนกับว่าสถานการณ์ไม่มีอะไรแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการทำอะไรที่ชัดเจน มาตรการต่างๆ ที่นายกรัฐมนตรีประกาศไป สุดท้ายก็ไม่เป็นจริง เช่น การตัดไฟ ที่ กรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภา ตรวจสอบพบว่าทางกัมพูชาเป็นฝ่ายตัดเอง น้ำมันก็ยังส่งเข้ากัมพูชาอย่างปกติ อินเทอร์เน็ตก็ใช้เวลา 15 วัน ถึงจะตัดบริเวณตามแนวชายแดนได้ ส่วนลึกเข้าไปภายในประเทศกัมพูชา ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าจะใช้เวลาเท่าใด ส่วนเรื่องการปิดด่าน ส่วนตัวไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อน

“ความผิดพลาดของนายกฯ แต่พี่น้องเกษตรกร ชาวสวนผลไม้ภาคตะวันออกทั้งหมด รวมถึงประชาชนที่ค้าขายตามแนวชายแดน SMEs ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ นายกฯ ทำผิดพลาด แต่แทนที่นายกฯ จะรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือยุบสภา แต่นายกฯ กลับทำขึงขังแล้วประกาศมาตรการ บอกว่าตอบโต้ ฮุน เซน แต่ผู้รับกรรมคือประชาชนคนไทย ดิฉันคิดว่าไม่ถูกต้อง” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า รองแม่ทัพภาคที่ 2 ก็ยืนยันมาตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. ว่าสถานการณ์ความตึงเครียดทางทหาร ณ วันนี้ไม่มี มีการถอนกำลังออกจากจุดที่เป็นปัญหาหมดแล้ว ส่วนปราสาทต่างๆ ที่กัมพูชาจะเอาไปขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ทหารก็ใช้คำว่าพูดคุยกันด้วยความเข้าใจ แสดงว่าทหารก็มองว่าความตึงเครียดตามแนวชายแดนตอนนี้ไม่มี คำถามคือแล้วเราทำสิ่งเหล่านี้ไปทำไม เพราะเรื่องศาลโลกเราสามารถไปสู้กันในเวทีระหว่างประเทศ โดยการสร้าง Story ของเราให้นานาชาติเชื่อถือได้อย่างไร ซึ่งไม่ใช่การสู้คดี เพราะเราไม่รับอำนาจศาลโลก แต่ไม่ใช่การปิดด่าน เราพูดถึงกรณีที่เราไปล็อบบี้ในเวที UNSC และ UNGA เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบีบไทยไปสู่ศาลโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่สู้กันยาว ใช้เวลา 3-4 ปีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่าถ้ารัฐบาลแพทองธารเป็นอย่างไร เกิดสุญญากาศหรือไม่ และนี่เป็นเหตุผลที่ต้องยุบสภา ใช้เวลา 3-4 เดือน ตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ เคลียร์กันเองภายในให้จบ เพื่อจัดตั้งประเด็นสู้กัมพูชา เราสามารถรอได้ 

เมื่อถามว่าถ้าเป็นรัฐบาลใหม่ จะสามารถเคลียร์กับกัมพูชาดีกว่าเดิมหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลที่มาจากพรรคไหน แต่ถ้าเป็นพรรคประชาชน เราทราบดีอยู่แล้วว่าเราต้องจัดการอย่างไร และคาดเดาได้เลยว่ารัฐบาลที่มาจากพรรคประชาชนจะใช้การต่อสู้ในเวทีระหว่างประเทศ แต่ไม่ใช่การรับอำนาจศาลโลก เป็นการสร้างความเชื่อใจในเวทีประชาคมโลกว่าเราไม่ได้เป็นคนผิด.