เมื่อวันที่ 3 ก.ค. พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า องค์การเภสัชกรรม บริษัท Pharco Pharmaceuticals จากประเทศอียิปต์ และองค์กรวิจัยทางการแพทย์ไม่แสวงผลกำไร Drugs for Neglected Diseases initiative (DNDi) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ เพื่อการขึ้นทะเบียนยาราวิดาสเวียร์ในประเทศไทย เพื่อใช้ในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี ช่วยให้ผู้ป่วยโรคดังกล่าวในประเทศไทย สามารถเข้าถึงยารักษาได้ดีขึ้น เนื่องจากมีราคาถูกลงกว่าเดิม โดยองค์การเภสัชฯ สามารถผลิตเองได้ และจะมีการยื่นขอขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต่อไป
“โรคไวรัสตับอักเสบซีสามารถพัฒนาเป็นโรคตับเรื้อรัง ตับแข็ง มะเร็งตับ และเสียชีวิตได้ ก่อให้เกิดภาระทางเศรษฐกิจ และสังคมต่อบุคคล ครอบครัว และระบบสาธารณสุขของประเทศ เพราะยารักษามีราคาแพงมาก โดยตัวแรกที่เริ่มวางจำหน่ายเมื่อปี 2556 ราคาสูงถึง 2.5 ล้านบาทท ทำให้ประเทศรายได้ต่ำและปานกลางไม่สามารถเข้าถึง และส่งผลกระทบต่อประชากรโลกกว่า 50 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 242,000 คนต่อปี ในส่วนของประเทศไทยมีผู้ป่วยราวๆ 800,000 คน และได้มีการวางเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติในการกำจัดไวรัสตับอักเสบซีให้หมดไป ภายในปี พ.ศ. 2573” พญ.มิ่งขวัญ กล่าว
พญ.มิ่งขวัญ กล่าวว่า ราวิดาสเวียร์เป็นยาที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และราคาย่อมเยา พัฒนาโดยองค์กร DNDi ร่วมกับบริษัท Pharco Pharmaceuticals จากอียิปต์ รวมถึงภาครัฐและหน่วยงานวิชาการในมาเลเซียและไทย เมื่อปี พ.ศ. 2560 มีการดำเนินการทดลองทางคลินิกในไทย 4 แห่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานและองค์กรหลายแห่ง ยาชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการลดต้นทุนการรักษาอย่างมาก ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศมาเลเซีย และในปี พ.ศ. 2566 ได้ถูกรวมอยู่ในบัญชียาจำเป็นของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ด้วย.