เมื่อวันที่ 4 ก.ค. เวลา 08.45 น. นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายให้เลขานุการส่วนตัวมาที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรค และทุกตำแหน่งภายในพรรค จากนั้น เวลา 10.00 น. นายสุชัชวีร์ได้เดินทางเข้ายังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ และสักการะองค์พระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรคด้วย
ทั้งนี้ นายสุชัชวีร์ แถลงถึงการลาออกดังกล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ต่อทั้งนายทะเบียนพรรคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และนายทะเบียนพรรคประชาธิปัตย์ มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. เป็นต้นไป ขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรคทุกท่าน การตัดสินใจก้าวออกจากพรรคในครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้ง แต่เกิดจากอุดมการณ์ที่ยึดมั่นมาตลอดที่ต้องการทำการเมือง โดยต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งตนจะมุ่งมั่นเริ่มต้นแก้ปัญหาประเทศด้วยการพัฒนาคนในเรื่องการศึกษา และได้ตัดสินใจอย่างรอบคอบว่าจากนี้ไปจะใช้ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ทั้งหมดที่มี ไปใช้เปลี่ยนแปลงประเทศ อย่างไรก็ตาม ตนได้โทรศัพท์ไปหานายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค เมื่อเช้าที่ผ่านมาแล้ว เพื่อแจ้งเรื่องขอลาออกให้ท่านแล้ว


ผู้สื่อข่าวถามว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ตัดสินใจร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ จึงทำให้การเมืองจมอยู่ที่เดิม นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนให้เกียรติกับหัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ในพรรค และขอย้ำเหตุผลว่ามีความฝันอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศ โดยสถานการณ์ขณะนี้รอไม่ได้จริงๆ เชื่อว่าอีกหลายคนคิดแบบตนเช่นกัน โดยขณะนี้ไทยมีวิกฤติทางด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง หากต้องการเปลี่ยนแปลง ก็มีจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด คือการพัฒนาคนและสร้างการศึกษา จึงตั้งใจมุ่งหน้าทำงานในเรื่องนี้
เมื่อถามว่าการที่พรรคจะร่วมรัฐบาลต่อไป ก็สามารถผลักดันเรื่องการศึกษาได้ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า อย่างที่ทุกคนเห็นว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คงรอไม่ได้ และถึงเวลาแล้ว เมื่อถามอีกว่าการเปลี่ยนแปลงข้างต้น คือการจะไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ใช่หรือไม่ เพราะมีข่าวว่าจะไปตั้งพรรคไทยก้าวใหม่ และจะเป็นหัวหน้าพรรคด้วยตนเอง นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า “ครับ แต่ขณะนี้ยังคุยกับผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน ผมเชื่อว่ายังมีคนอุดมการณ์เดียวกับผมอีกเยอะ ที่อยากเห็นประเทศไทยดีขึ้นกว่านี้จริงๆ ตอนนี้จะต้องเดินทางไปพูดคุยกับทุกคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน รักชาติ แล้วอยากเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยเริ่มต้นที่การศึกษา”
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ร่วมอุดมการณ์ที่จะไปพูดคุยด้วย คือคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใช่หรือไม่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า คุณหญิงกัลยาถือเป็นปูชนียบุคคลด้านการศึกษา และด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับคุณหญิงกัลยา ก็ขอให้ทุกคนรอติดตาม นอกจากนี้ยังจะมีอีกหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ที่มีพลังความรู้ความสามารถ ที่สำคัญมีอุดมการณ์ที่อยากเห็นประเทศไทยดีขึ้น และเป็นผู้มีความกล้าหาญ ดังนั้น จึงอยากเชิญชวนทุกคนให้ออกมาทำงานด้านการเมืองร่วมกับตน
เมื่อถามอีกว่าจะเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ได้เมื่อใด นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ยังพูดคุยกันอยู่ คงต้องรออีกสักพัก

เมื่อถามว่ามองสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้อย่างไร ที่นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว และไปทำหน้าที่ รมว.วัฒนธรรม นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า เป็นกำลังใจให้ และอยากขอให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ได้วางทิศทางของประเทศ เพราะทั้งคนไทยและคนต่างชาติเสียความมั่นใจกับไทยไปมากแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าดูจากหน้าตารัฐมนตรีของกระทรวงศึกษาธิการทั้ง 3 คน คิดว่ายังสามารถฝากความหวังเรื่องการศึกษาไทยไว้ได้หรือไม่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ต้องให้โอกาส เพราะทั้ง 3 คน เพิ่งเริ่มต้นทำงาน
ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวที่มีเสียงสนับสนุนต้องการให้นายสุชัชวีร์ ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในสมัยหน้า ที่จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ขอขอบคุณที่ยังสนับสนุนตน ที่จริงงาน กทม. เป็นเรื่องสำคัญและเป็นงานที่ตนรัก แต่สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ เป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกัน เนื่องจากขณะนี้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับการศึกษา โดยคนไทยในขณะนี้ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้จริงๆ โดยตนสนใจเกี่ยวกับภาพรวม ถ้าการศึกษาไทยยังเปลี่ยนไม่ได้ ประเทศไทยเปลี่ยนไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าประเทศไทยจะมีอนาคต การเมืองไทยในขณะนี้ไม่ได้พูดถึงเรื่องการศึกษา ทั้งที่เรื่องการศึกษาถือเป็นจุดเป็นจุดตาย และเป็นทางรอดขอประเทศ
เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าต้องการมุ่งไปที่การเมืองระดับประเทศแล้วใช่หรือไม่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า วันนี้เรื่องของประเทศสำคัญที่สุด ตนโฟกัสไปที่เรื่องการเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศ อย่างไรก็ตาม ก่อนตายตั้งใจไว้แล้วว่าอยากเป็นพลเรือนชั้น 1 ของโลก ขอให้ประเทศไทยได้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เหมือนญี่ปุ่น เกาหลีใต้
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขณะนี้ การตั้งพรรคจะทันหรือไม่ นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้ประเทศไทยเจออุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ขอเป็นกำลังใจให้