เมื่อวันที่ 6 ก.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุการณ์สุดประทับใจ ท่ามกลางสายตาประชาชนจำนวนมาก จากเหตุการณ์อุบัติเหตุรถเก๋งพุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดบนถนนสุขุมวิท เส้นทางขาเข้าระยอง บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาโรงเรียนบำรุงศิษย์ศึกษา ปากซอยสัตหีบสุขุมวิท 89 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี


อุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่าง รถเก๋ง ซูซูกิ เซียส สีขาว ทะเบียน กจ-9815 ปัตตานี มี น.ส.กาญจนา สมพร อายุ 32 ปี เป็นคนขับ พุ่งชนท้ายรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ สีแดงดำ ทะเบียน คลน-890 ชลบุรี ขณะวิ่งกันมาบนช่องทางเลนขวาสุด ส่งผลให้รถทั้ง 2 คัน ได้รับความเสียหาย ส่วนรถจักรยานยนต์มีผู้โดยสารซ้อนกันมา 2 ราย มีอาการบาดเจ็บนอนอยู่กลางถนน ทราบชื่อคือ นายละออ อายุ 45 ปี แรงงานชาวเมียนมา พนักงานร้านขายหมูสด สภาพปวดไหล่ขวา และ น.ส.มีมี่ อายุ 18 ปี ชาวเมียนมา บุตรสาว สภาพมีเลือดไหลจากภายใน ส่วนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ทางตำรวจกำลังตรวจสอบพยาน และหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิด จึงจะสามารถชี้ชัดว่า ฝ่ายใดถูกหรือผิด

โดยขณะคนเจ็บกำลังนอนอยู่บนถนน รอการช่วยเหลือ ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนอบอ้าว และรถที่วิ่งบนถนนจำนวนมาก ได้มีพนักงานสาว จากร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น วิ่งออกจากร้านมาให้การช่วยเหลือคนเจ็บในทันที ทราบชื่อคือ น.ส.จิราพร บุญครอบ ตำแหน่งผู้ช่วยฝึกหัด และน.ส.ศรยา บรรเลง ตำแหน่ง พนักงาน ทั้งคู่แบ่งหน้าที่กันช่วย อาทิ กางร่มให้ร่มเงา ประคอง ปลอบโยน นำยาดมให้สูดดม เพื่อบรรเทาอาการวิงเวียน และให้เกิดความสดชื่น นอกจากนี้ ยังมีพลเมืองดีมาร่วมให้การช่วยเหลือจำนวนมาก

ที่สำคัญ น.ส.จิราพร ตั้งแต่เกิดเหตุ จนเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเดินทางมาถึง ได้อยู่เคียงข้างกับ น.ส.มีมี่ หญิงสาวที่กำลังนอนอยู่กลางถนน ท่ามกลางความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน สองมือของทั้งคู่ ได้จับกันไว้แน่น ไม่ทิ้งห่างกันไปไหนแม้แต่นาทีเดียว พร้อมกับคำที่คอยปลอบโยนว่า “ถ้าน้องเจ็บ ก็จับมือพี่ไว้นะ ไม่ต้องกลัว” ซึ่งเป็นคำที่แสนอบอุ่น สร้างความปลาบปลื้มประทับใจต่อผู้พบเห็นเป็นที่สุด

สอบถาม พนักงานสาวทั้ง 2 ราย เผยว่า ขณะเกิดเหตุรถชนกัน กำลังทำงานอยู่หลังร้าน ไม่เห็นเหตุขณะรถชน กระทั่ง มีพนักงานในร้านวิ่งมาบอกว่า ได้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันหน้าร้านมีคนเจ็บ หลังสิ้นเสียง ได้ขออนุญาตผู้จัดการ ก่อนจะรีบพากันวิ่งออกมาจากร้าน พุ่งตรงไปหาคนเจ็บที่กำลังนอนอยู่ และพยายามทำทุกวิถีทางเท่าที่จะช่วยเหลือ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวด และความหวาดกลัว ให้กับคนเจ็บได้ แม้จะไม่มีอุปกรณ์ที่จะปฐมพยาบาล แต่สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในเวลานั้น คือ กำลังใจที่จะให้พวกเขา ได้มีกำลังใจต่อสู้กับสิ่งเลวร้ายที่เผชิญอยู่ ซึ่งรู้สึกภูมิใจ และมีความสุขมาก ที่มาให้การช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยากครั้งนี้.