เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ชี้แจงกรณีเกิดกระแส ดราม่าคำให้สัมภาษณ์นายอนุทิน ประเด็นหากไม่ฉีดวัคซีนโควิด สถานประกอบการอาจปฏิเสธไม่บริการหรือเป็นเงื่อนไขในการรับเข้าทำงานว่า กรณีที่ดรามานั้นเป็นเรื่องที่ยกตัวอย่างเฉยๆ บอกว่าการไม่ฉีดวัคซีนอาจทำให้เจอมาตรการทางสังคมโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะเป็นสิทธิของแต่ละคน ถ้าเป็นเจ้าของสถานบริการเขาอาจบอกว่าที่นี่พนักงานฉีดแล้ว เจ้าหน้าที่ฉีดแล้วอาจต้อนรับเฉพาะคนที่ฉีดวัคซีน เป็นต้น ซึ่งเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ในต่างประเทศ หรือกรณีที่ตนเดินทางไปประชุมที่สวิตเซอร์แลนด์ จริงๆฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม สามารถเข้าประเทศได้ แต่ให้อยู่ในโรงแรมอย่างเดียว ไม่สามารถไปเข้าร่วมประชุม หรือออกไปร้านอาหารได้ ทำให้ต้องฉีดวัคซีนให้ครบตามข้อกำหนดของสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งนี้ยืนยันมีการศึกษา สรุปเป็นที่ประจักษ์คนที่ฉีดวัคซีนมีความปลอดภัยกว่าคนที่ไม่ฉีดหลายสิบเท่า และถึงแม้ติดเชื้อก็ไม่ป่วยหนัก ไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และไม่เสียชีวิตซึ่งพิสูจน์ได้ชัดเจน

“ดังนั้นในส่วนของประเทศไทยวันหนึ่งอาจจะเจอแบบนี้ได้ โดยผู้ให้บริการเขาอาจสงวนสิทธิ์ในการให้บริการได้ หรือหากไปสมัครงานเป็นบริกร หรือพนักงานบริการต่างๆในเมืองท่องเที่ยว จะเปิดร้านต่างๆ ถ้าไปสมัครงานแล้วบอกว่ายังไม่ได้ฉีดวัคซีน ยังไม่ต้องพูดถึงการสัมภาษณ์งาน เจ้าของกิจการอาจพิจารณารับคนที่ฉีดวัคซีนก่อน นี่คือสิ่งที่ผมสื่อ การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองจะเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ การทำกิจกรรมหรืออะไรต่างๆ ต้องรักษาระยะห่าง เขาไม่ได้รังเกียจ เพียงแต่เขาไม่ต้องการรับความเสี่ยง อย่าลืมว่าวัคซีนฉีดแล้วยังติดได้ แต่ลดอาการหนัก ลดการเสียชีวิต ดังนั้นเขาอาจไม่มีความสบายใจที่อยู่ใกล้ชิดกับคนไม่ฉีด การฉีดวัคซีนทำให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้ปกติมากขึ้น มีแต่ปัจจัยเชิงบวก เป็นเงื่อนไขทางสังคม เป็นกติกาที่ไม่ต้องไปตรากฎหมายอะไร ถึงเวลามนุษย์จะมีกติกาในการอยู่ด้วยกันอย่างสบายใจ” นายอนุทิน กล่าว.