พระครูสมุห์สนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ประชาสัมพันธ์การอุปสมบทบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์ ประจำปี 2564 กล่าวว่า วัดพระธรรมกาย มูลนิธิธรรมกาย ร่วมกับองค์การพุทธโลก ศูนย์ส่งเสริมศีลธรรมทั่วประเทศ คณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ชมรมพุทธศาสตร์สากลในอุปถัมภ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และองค์กรภาคีเครือข่าย จัดอุปสมบทบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์ ประจำปี 2564 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กระแสธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แผ่ปกคลุมทั่วผืนแผ่นดินไทยและให้ประชาชนทั่วประเทศได้ร่วมสั่งสมบุญบารมีในการอุปสมบทหมู่ และเป็นแบบอย่างที่ดี ผู้อุปสมบทจะได้มีโอกาสศึกษา ปฏิบัติธรรม เป็นหลักในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและเป็นการฟื้นฟูประเพณีการบวชของชายไทย ให้กลับมารุ่งเรืองเหมือนครั้งบรรพกาล นอกจากนี้ ผู้บวชยังมีโอกาสได้บวชทดแทนคุณบิดา มารดา และมหาปูชนียาจารย์ด้วย

ทำไมจึงบวช

พระมหาวุฒิชัย วุฑฺฒิชโย ป.ธ.9, ดร. เด็กเภสัชจุฬาฯ บวชด้วยเหตุผลอะไร ?

เลือกมาเส้นทางนี้ เพราะคิดว่าเป็นทางที่ดีกว่า “การบวช” คือความรู้ทางโลกมันมีเยอะ ส่วนความรู้ที่คนไม่เคยรู้ก็คือความรู้เรื่องตัวเอง ซึ่งมันเป็นความรู้ที่ไม่สามารถหาเรียนได้ที่ไหน นอกจากความรู้ในพระพุทธศาสนา และเพื่อตอบตัวเอง ให้รู้จักเรื่องราวชีวิตของตัวเอง ว่าเราเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายชีวิต และอยากทำในสิ่งที่ดีงาม แต่สิ่งที่อยากได้จริง ๆ คือ อยากฝึกสมาธิ เพราะการเรียนในชั้นสูง ๆ ต้องใช้สมาธิเยอะมาก เราก็เลยอยากฝึกสมาธิ และใช้สมาธินี่แหละไปใช้กับการศึกษา

นั่นคือจุดเริ่มต้นที่คิดว่า สมาธิดีจริง เพราะมันมีผล คือ เวลานั่งสมาธิแล้ว ช่วยให้เรียนดีขึ้นจริง พอได้มาบวช ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าชีวิตแต่ละวันแต่ละคืนมันมีคุณค่ามาก แต่ละวันต้องตื่นเช้าสวดมนต์ นั่งสมาธิ รับบุญต่าง ๆ ตลอดวันแทบไม่มีเวลาว่างเลย ซึ่งมันเหนื่อยนะ แต่ความรู้สึกนั้นกลับกลายทำให้รู้สึกว่ามันมีคุณค่า เพราะมันเหมือนมีบุญหล่อเลี้ยงตลอดเวลา ทำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตของฆราวาสทางโลกกับทางธรรม มันต่างกันโดยสิ้นเชิง การเป็นนักบวช คือ ชีวิตที่ไม่ต้องแข่งขันกับใคร อยู่ด้วยการแบ่งปัน ช่วยเหลือ ประคับประคองกัน ซึ่งมันคือความสุขใจ จึงตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตด้วยการ “บวช” ตั้งแต่ปี 2539 จนกระทั่งปัจจุบัน 25 ปี แล้วที่อยู่เพศสมณะ ไม่เคยทิ้งการปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิธรรมเลย

พระมหาโกมล สุภจิตฺโต ป..9 เด็กวิศวะไฟฟ้า บวชเพื่อหาคำตอบให้ชีวิต

เมื่อปี 2542 เคยได้มีโอกาสมาบวชสามเณร พอลาสิกขาไปก็ตั้งใจรักษาศีล นั่งสมาธิสวดมนต์คนเดียว วันอาทิตย์ก็ไปวัดทำบุญ แต่คนรอบข้างไม่เข้าใจ อักทั้งโดนกระแสสังคมบีบคั้นมาก ๆ เราก็ไม่ไปวัดอีก แล้วก็ไปใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป จนกระทั่งสอบติดคณะวิศวะไฟฟ้า และพี่ชายก็ทำบริษัทเกี่ยวกับหม้อแปลงไฟฟ้า ฉะนั้นเรียนจบมามีงานทำแน่นอน

ตอนที่กำลังเรียนมันก็เกิดความรู้สึกว่า เราเกิดมาแค่เรียนหนังสือ ทำงาน มีครอบครัวแล้วก็ตาย แค่นี้ใช่ไหม แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้เลย ไม่ว่าจะไปอ่านหนังสือเล่มไหน ก็เกิดความกลัว กลัวตายก่อนที่จะรู้คำตอบ จนกระทั่งไปฟังเทศจากพระรูปหนึ่งว่า การตายจากโรคบางอย่างเกิดจากอะไร ฟังแล้วมันรู้สึกมีเหตุมีผล ก็เกิดความสนใจตั้งแต่ตอนนั้น พอได้มาบวชได้มานั่งสมาธิ ได้เรียนบาลี เราก็รู้สึกว่าได้รักษาคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้เอามาฝึกฝนอบรมตนเอง และเห็นความสำคัญของการนั่งสมาธิ ตอนนี้ บวชมา 17 พรรษาแล้ว อีกสิ่งหนี่งที่เป็นกำลังใจสำคัญก็คือคำสอนของหลวงพ่อ ที่ไม่เคยคิดเอาอะไรมาเป็นอุปสรรคและเงื่อนไขในการสร้างบุญสร้างบารมี ขอให้เป็นบุญกุศลทำได้หมด นี่คือสิ่งที่หลวงพ่อสอนมาตลอด จึงเป็นเหตุให้อาตมารักการเป็นพระมาจนทุกวันนี้

“การอุปสมบทบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์ประจำปี 2564 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2564 – วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2565 อุปสมบท วันที่ 6 – 10 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ณ วัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ภายใต้มาตรการสาธารณสุขป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด สมัครบวชได้ตั้งแต่วันนี้ ณ ศูนย์ส่งเสริมศีลธรรมทั่วประเทศ หรือสมัครออนไลน์ที่ www.บวช.com และ www.dmycenter.com สอบถามเพิ่มเติมหมายเลขโทรศัพท์ Call Center 0-2831-1234” พระครูสมุห์สนิทวงศ์กล่าว

หลักฐานการสมัครบวช

1. สำเนาทะเบียนบ้าน

2. สำเนาบัตรประชาชน

3. หลักฐานการศึกษา

คุณสมบัติผู้เข้าอบรม

1. เป็นชายแท้ อายุ 20 ปี ขึ้นไป

2. มีสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคติดต่อ โรคจิต โรคประสาท หรือโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่ร้ายแรง

3. ไม่ติดยาเสพติดให้โทษทุกชนิด

4. ร่างกายไม่ทุพพลภาพ

5. เป็นผู้อยู่ง่าย กินง่าย ไม่เป็นอุปสรรคต่อการอบรม

6. มีคุณสมบัติอื่น ๆ ของผู้บวช ตามกฎมหาเถรสมาคม