เมื่อวันที่ 25 พ.ย. นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารและเจ้าของปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นำช้างในปางช้างแม่สา ร่วมกับควาญช้าง นำช้าง 11 เชือก ร่วมกับกลุ่มชนเผ่าดาราอั้ง ชนเผ่ากะยอ มาทำพิธีเกี่ยวข้าว นวดข้าวเหนียวในพื้นที่ที่ปลูกข้าวกว่า 15 ไร่ โดยในพิธีมีการบอกกล่าวพระแม่โพสพ พระแม่ธรณีเจ้าที่ ก่อนที่กลุ่มชนเผ่าดาราอั้ง หรือ ปะหล่อง จะร้องเพลงนางฟ้า ซึ่งเป็นเพลงพื้นเมืองดั้งเดิมของชนเผ่าที่ทำให้กิจกรรมปลูกข้าวเกี่ยวข้าวได้ผลผลิตที่ดีงาม ก่อนที่บรรดาช้างจะดำเนินการนวดข้าว หรือเหยียบข้าวให้เมล็ดข้าวร่วงออกจากรวงลงสู่ลานข้าว จากนั้นจะเก็บข้าวเปลือกมารวมกันเพื่อนำไปตำข้าว หรือทำการสีข้าว ซึ่งผลผลิตทั้งหมดจะนำไปเลี้ยงช้าง 70 เชือก ในปางช้างแม่สา

นางอัญชลี เปิดเผยว่า ปางช้างแม่สา ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 รวมเป็นระยะเวลา 45 ปี ก่อนหน้าที่จะมีปัญหาโรคไวรัสโควิด-19 เกิดขึ้นนั้น ปางช้างแม่สาเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นของประเทศไทย รวมถึงเคยโด่งดังจากการบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด ในเรื่องรูปวาดโดยฝีมือช้างที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ในราคา 1.5 ล้านบาท พอมาในยุคโควิดปางช้างประสบปัญหาไม่มีนักท่องเที่ยว รายรับเป็นศูนย์แต่รายจ่ายคงเดิม แต่ช้างและคนงานก็ต้องกินข้าวกันทุกวัน ทางเราจึงคิดวิธีลดภาระค่าใช้จ่ายโดยการปลูกพืชผักไว้เป็นคลังอาหาร สำหรับเลี้ยงคนและส่วนหนึ่งใช้เลี้ยงช้าง ซึ่งอาหารที่ช้างชอบก็คือข้าวเหนียวนึ่งคลุกเกลือ ทางปางช้างจึงทำการปลูกข้าวเหนียวและทำการเก็บเกี่ยวก่อนจะนำช้างมานวดข้าวเพื่อให้ได้เมล็ดข้าว และนำไปนึ่งคลุกกับเกลือให้ช้างได้กิน ซึ่งกิจกรรมนี้จะทำให้ช้างมีอาหารกินนานกว่า 100 วัน