“เราก็ไม่คิดหรอกว่าเราจะมาถึงตรงนี้ เพราะสิ่งที่เราทำ เรามีเป้าหมายเดียวคือสร้างรอยยิ้มให้กับคนดู”

            หากใครที่ชื่นชอบการดูคอนเทนต์ต่าง ๆ บนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ ยูทูบ และเฟซบุ๊ก แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่รู้จัก “บี้ เดอะ สกา” หรือ “กฤษณ์ บุญญะรัง” คอนเทนต์ครีเอเตอร์บนโซเชียลมีเดียเบอร์ต้น ๆ ของไทย ที่ปัจจุบันมียอดผู้ติดตามบนเพจ Bie The Ska ใกล้จะ 4 ล้านเต็มแก่ และมียอดผู้ติดตามบนช่องยูทูบชื่อเดียวกันที่ 13.3 ล้าน

                ณ ปัจจุบัน “บี้ เดอะ สกา” ในวัย 33 ปี ถือเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่คนไทยมากมายฝันอยากจะเดินตามรอยเขา และวันนี้ “ดาวต่างมุม” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “บี้” ถึงมุมมองเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ทุกคนได้รู้จักกับตัวตนจริง ๆ ของเขามากยิ่งขึ้น

                บี้เริ่มทำยูทูบตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ผมเริ่มทำยูทูบมาตั้งแต่ 13-14 ปีที่แล้ว จุดเริ่มต้นมาจากการที่เราอยากสร้างรอยยิ้ม ความตลกให้กับเพื่อนที่เรียนด้วยกันตอนมหาวิทยาลัย พอทำคลิปไปเพื่อนก็ชอบ ก็ทำมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันมีหลากหลายรายการที่เกิดขึ้นในช่อง ทั้งที่เป็นพาโรดี้บ้าง เป็นอาหาร หรือแม้กระทั่งท่องเที่ยว มีหลากหลายรูปแบบมากเลยครับ”

                บี้มีความตั้งใจที่อยากทำอาชีพอื่น ๆ บ้างไหม?

“สำหรับอาชีพอื่น ๆ ผมเป็นนักลงทุน เป็นคนที่เทรดในฝั่งคริปโต จริง ๆ ก็มีแพลนอยากทำอะไรหลาย ๆ อย่าง อยากมีร้านอาหารเล็ก ๆ ของตัวเอง และมีโปรเจกต์หนึ่งที่เราจะได้ดูกันในปีหน้า เกี่ยวกับครีเอเตอร์ละกันครับ”

                ตอนเด็กๆ บี้ฝันว่าโตมาอยากเป็นอะไร?

“ตอนเด็ก ๆ ก่อนที่จะขึ้นมัธยม เราก็มีความฝันอยากเป็นคุณหมอ จะได้ดูแลรักษาพ่อแม่ตอนท่านแก่ชรา แล้วก็เป็นอาชีพที่มีรายได้ดี จนมาถึงตอนมัธยม เรารู้สึกว่าเป็นหมอนี่ใช้ความจำเยอะ เราไม่ค่อยชอบวิชาความจำสักเท่าไหร่ แต่เราชอบคำนวณ ก็เลยเปลี่ยนความฝัน อยากที่จะมาทำเชิงธุรกิจมากกว่า เพราะตอนนั้นมีซีรี่ส์ที่เป็นแรงบันดาลใจเราคือ F4 (หัวเราะชอบใจ) ก็เลยอยากเป็นอย่างงั้น ก็เลยมีความฝันอยากเป็นนักธุรกิจ อยากที่จะมีบริษัทที่เป็นซอฟต์แวร์เฮ้าส์ของตัวเอง มีแรงบันดาลใจจากไมโครซอฟท์ หลังจากนั้นผมก็เลยมาเรียนสายที่เป็นโปรแกรมเมอร์ เรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ครับ เป็นที่มาที่เราได้จับ ได้อยู่กับคอมฯเยอะ จนมีโอกาสได้มาทำคอนเทนต์นี่แหละ เพราะเราอยู่กับคอมพิวเตอร์บ่อย”

                รู้สึกยังไงบ้างที่ตอนนี้เราเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์อันดับต้น ๆ ของไทย?

“ผมรู้สึกดีใจนะ แล้วก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรามาตั้งแต่แรกจนถึงปัจจุบัน เราก็ไม่คิดหรอกว่าเราจะมาถึงตรงนี้ เพราะสิ่งที่เราทำ เรามีเป้าหมายเดียวคือสร้างรอยยิ้มให้กับคนดู เวลาคนดูยิ้ม ผมมีความสุข เป็นสโลแกนของผมอยู่แล้ว แต่พอเราทำมาเรื่อย ๆ เราทำคอนเทนต์เยอะขึ้น ก็มีคนติดตามเรามากขึ้น รวมไปถึงก็มีครีเอเตอร์ที่เกิดจากเดอะ สกา ของเราเอง ก็เอามาแตกสาขาทำช่อง มันยิ่งเพิ่มรอยยิ้มและความสุขให้มากขึ้น ผมก็รู้สึกภูมิใจแล้วก็ดีใจ ทั้งมอบรอยยิ้มให้กับคนดู แล้วก็ได้สร้างครีเอเตอร์คนใหม่ ๆ เกิดขึ้นมาในประเทศไทยด้วยครับ”

                ถ้ามีโอกาสเชิญแขกรับเชิญระดับโลกมาทำคอนเทนต์ร่วมกัน อยากเชิญใคร?

“จริง ๆ ผมอยากคุยกับ เดอะ ร็อก (ดเวย์น จอห์นสัน) เขาเป็นคนหนึ่งที่เป็นแรงบันดาลใจของผมในช่วงวัยเด็ก เพราะผมชอบดูมวยปล้ำ ปัจจุบันเขาก็ประสบความสำเร็จด้านการแสดง เรื่องที่ผมรู้สึกว่าเขาอินฟูลเอ็นซ์เราได้ คือเรื่องของการออกกำลังกาย แล้วก็วินัย แล้วก็ความตั้งใจในการทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เขามีความตั้งใจและทำให้ประสบความสำเร็จได้ อยากที่จะคุยกับเขา”

                บี้ชอบดูหนังแนวไหน?

“หนังที่ชอบดูก็จะเป็นพวกไซไฟ หนังที่พูดถึงเรื่องอนาคต พูดถึงแนวทางการเปรียบเทียบ หรือสิ่งที่จะเป็นไปได้ ยกตัวอย่างเช่นซีรี่ส์ที่ผมชอบดูใน Netflix ก็จะเป็น แบล็ก มีร์เรอร์ (Black Mirror) มันจะพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีอนาคต รวมไปถึงการเสียดสีสังคม”

                ถ้ามีโอกาสสลับร่างกับยูทูบเบอร์สักคนหนึ่ง อยากสลับร่างกับใคร?

“ณ ยุคนี้ผมอยากสลับร่างกับมิสเตอร์บีสต์ (MrBeast) ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ให้ เขาทำรายได้จากการทำคอนเทนต์หรือทุกอย่าง เขาก็เอากลับคืนสู่สังคม จริง ๆ เขาคล้าย ๆ กันกับผม ผมอยากที่จะให้รอยยิ้ม ความสุข แต่เขาสร้างเม็ดเงิน แล้วก็ให้คืนสู่สังคม ที่อยากสลับร่างกับเขา เพราะเขามีอิมแพ็คมาก ๆ กับโลกใบนี้”

                ถ้าโควิดหมดไปจากโลกแล้ว บี้อยากไปเที่ยวประเทศไหน?

“ผมเคยไปประเทศหนึ่งแล้วอยากไปอีก ก็คือ เกาหลีเหนือ ที่อยากไปเกาหลีเหนืออีกครั้ง เพราะผมอยากไปเก็บดีเทล แต่โอกาสที่จะได้เข้าไปมันค่อนข้างน้อย รู้สึกว่าประเทศเค้ามีอะไรที่น่าค้นหา มันเป็นมุมที่เราไม่เคยได้เจอมาก่อน เค้ายังเก็บวัฒนธรรมเดิม ๆ ไว้ เหมือนสต๊าฟเอาไว้ ถ้าเราได้ไป เหมือนเราได้ไปย้อนอดีต รู้สึกว่ามันยังมีความสวยงามตรงจุดนั้น”

เรื่อง – วุฒิ พิศาลจำเริญ / ภาพ – จุมพล นพทิพย์

Special Thank : พิม