นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. ได้ร่วมือกับ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ (โอเปอเรเตอร์) ทั้ง 4 ราย คือ เอไอเอส ดีแทค ทรู และเอ็นที ระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วยรูปแบบบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ  โมบายไอดี โดยได้เปิดให้ประชาชน ได้ร่วมทดสอบการใช้งานในระยะแซนด์บ็อกซ์ ตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.นี้ เพื่อใช้เปิดบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ ผ่านโมบายแบงกิ้ง โดยไม่ต้องไปที่สาขา หรือใช้แทนบัตรประชาชนเมื่อเปิดบัญชี ในระยะแรก 9 สาขานำร่อง คือ ธ.กรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม เซ็นทรัลเอ็มบาสซี เซ็นทรัลลาดพร้าว เซ็นทรัลวิลเลจ ดิเอ็มควอเทียร์ จามจุรีสแควร์ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน เดอะคริสตัล 2 และฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 2

“โครงการนี้ต่อยอดการใช้ประโยชน์ฐานข้อมูลลงทะเบียน ซิมการ์ดของเลขหมายโทรศัพท์มือถือให้กลายเป็นหนึ่งในการยืนยันตัวเองด้วยช่องทางดิจิทัลของประเทศไทย ซึ่งผู้ใช้มือถือหากต้องการมีโมบายไอดี สามารถขอเปิดให้ใช้ที่ศูนย์บริการของผู้ให้บริการมือถือได้”

นอกจากนี้ภายในไตรมาส 1 ปีหน้า จะเปิดให้ทดลองบริการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น การใช้บริการโมบายไอดี เพื่อยืนยันตัวตนในการสมัครใช้บริการใบขับขี่ดิจิทัล ของกรมการขนส่งทางบก ใช้เข้าระบบเพื่อยื่นภาษีแบบออนไลน์ ของกรมสรรพากร การแสดงตนเพื่อรับ-ส่ง พัสดุของไปรษณีย์ไทย และการเปิดบัญชีการลงทุน ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นต้น

นายศรัณย์ ผโลประการ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า โครงการ โมบาย ไอดี ระยะทดสอบนี้ เอไอเอส ได้ร่วมมือกับ สำนักงาน กสทช. ร่วมกันพัฒนานวัตกรรม ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนแบบออนไลน์เต็มรูปแบบเป็นรายแรกของประเทศ เพื่อให้บริการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์กับลูกค้าของเอไอเอส ให้มีความสะดวก ปลอดภัย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ให้ครอบคลุมถึงธุรกรรมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และพร้อมที่จะส่งเสริมนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนให้ใช้ดิจิทัลไอดีในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของประเทศอีกด้วย

นายเรวัฒน์ ตันกิตติกร ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานช่องทางการขาย บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทคยินดีสนับสนุนรัฐบาล และ กสทช. ในการพัฒนา “การยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล” ให้ประสบความสำเร็จและใช้งานได้อย่างปลอดภัย โดยระบบ โมบายไอดี นี้จะช่วยให้ลูกค้าดีแทคสามารถลงทะเบียนซิมใหม่หรือรับบริการธุรกรรมอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว และระบบ ยังสามารถลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน ในกระบวนการยืนยันตัวตนได้อีกด้วย

นายนิติธรรม โกวิทกูลไกร หัวหน้าคณะผู้บริหาร (ร่วม) ด้านสินค้าและบริการ บริษัท ทรู  คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู กล่าวว่า การพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วย โมบาย ไอดี จะทำให้ลูกค้าของทรู สามารถใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือยืนยันตัวตนในการทำธุรกรรมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยการร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างทั่วถึงและแพร่หลายในทุกมิติ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสรืมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศไทย

นายวงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานดิจิทัล บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที กล่าวว่า เอ็นที ได้ร่วมพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนด้วย โมบาย ไอดี เพื่อให้ประชาชนสามารถทำธุรกรรมต่างๆ กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น โดยหลังจากสมัครใช้บริการแล้ว ลูกค้า สามารถใช้โทรศัพท์มือถือในการยืนยันตัวตนแทนบัตรประชาชนเพื่อเข้ารับบริการกับหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการได้

นายกึกก้อง รักเผ่าพันธุ์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับสำนักงาน กสทช. และภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคม จนสามารถได้เริ่มเปิดใช้บริการดังกล่าวได้ที่ธนาคารกรุงเทพเป็นแห่งแรก ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะช่วยอำนวยความสะดวก และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า ทั้งการใช้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลที่สามารถเปิดใช้งานบัญชีเงินฝากออนไลน์ได้อย่างมั่นใจ สะดวกสบาย ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ รวมถึงกรณีการใช้บริการที่สาขาของธนาคาร โมบายไอดี ก็ช่วยยืนยันเบอร์โทรศัพท์ได้ง่ายๆ ที่สำคัญลูกค้ายังคงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยของการทำธุรกรรมต่างๆ โดยเฉพาะขั้นตอนการพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลของลูกค้าอย่างถูกต้องก่อนทำธุรกรรม 

ซึ่งเป็นประเด็นที่ธนาคารให้ความสำคัญอย่างมากและเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงความน่าเชื่อถือในฐานะสถาบันการเงิน ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของธนาคารกรุงเทพ ที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบนิเวศน์ด้านดิจิทัลของประเทศไทย อันจะมีบทบาทสำคัญและสามารถต่อยอดไปสู่ความก้าวหน้าด้านบริการทางการเงินได้อีกหลากหลายมิติในอนาคต.