เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. สั่งการให้ พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร ผกก.3 บก.ปอศ. พ.ต.ต.วรพจน์ ลลิตจิรกุล สว.กก.3 บก.ปอศ. นำกำลังจับกุมนายอนุรักษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐานร่วมกันเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทจำกัด กระทำหรือยินยอมให้กระทำลงข้อความเท็จ หรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของบริษัทหรือที่เกี่ยวกับบริษัท เพื่อลวงให้บริษัท ผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทขาดประโยชน์ จับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง แขวงและเขตบางนา กรุงเทพฯ

พ.ต.อ.จักรกริช กล่าวว่า สืบเนื่องจากผู้เสียหาย เป็นนักธุรกิจบริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ว่าถูกนายอนุรักษ์ หลอกปลอมมติที่ประชุมแล้วไปดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น และสัดส่วนการถือหุ้น โดยสร้างโปรไฟล์ประวัติให้ดูน่าเชื่อถือ อ้างตัวว่าจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชื่อดังในไทยมากกว่า 1 แห่ง แต่ไม่ได้จบจริง และยังกล่าวอ้างว่าเป็นนักบินพาณิชย์ตามสื่อสังคมออนไลน์ และรู้จักกับผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐและภาคเอกชน หากผู้เสียหายให้เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนบริษัทจะทำให้บริษัทสามารถประมูลโครงการก่อสร้างทั้งของรัฐและเอกชนได้ง่าย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อให้ผู้ต้องหาเข้าเป็นหุ้นส่วนบริษัท ในอัตราส่วน ร้อยละ 60

ต่อมาภายหลัง ผู้ต้องหาปลอมมติที่ประชุมแล้วไปดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้น และสัดส่วนการถือหุ้นโดยเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของผู้เสียหาย จากการถือหุ้นเดิม 20 เปอร์เซ็นต์ ปลอมเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ โดยมิได้มีประชุมจริงและเอารายชื่อผู้เสียหายออกจากกรรมการของบริษัท โดยที่ผู้เสียหายไม่ทราบและไม่ได้ยินยอมตามรายงานการประชุมแต่อย่างใด แล้วนำไปยื่นต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์ สร้างความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท จึงได้เดินทางเข้ามาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ.

จากนั้นทางพนักงานสอบสวนกก.3 บก.ปอศ. รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ กระทั่งสืบทราบว่ามากบดานอยู่ที่คอนโดมิเนียมดังกล่าว จึงนำกำลังจับกุม อย่างไรก็ตามจากการสอบสวนเบื้องต้นให้การปฎิเสธ แต่ชุดสืบสวนไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากสอบปากคำพยานแวดล้อม พบว่าไม่ได้มีจัดการประชุมผู้ถือหุ้นตามที่ได้ยื่นเอกสารต่อสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสุรินทร์แต่อย่างใด นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติพบผู้ต้องหายังมีคดีปลอมและใช้เอกสารปลอม อยู่ที่ สน.บึงกุ่ม และ สภ.สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ รวมทั้งเคยมีประวัติยักยอกทรัพย์ จึงแจ้งข้อหาตามหมายจับก่อน นำตัวส่งพนักงานสอบสวนกก.3 บก.ปอศ. ดำเนินคดี

ผกก.3 บก.ปอศ. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้อยากประชาสัมพันธ์เตือนภัยพี่น้องประชาชนหรือบริษัทห้างร้านเอกชน ว่าการร่วมลงทุนกับบุคคลหรือบริษัทใดๆ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานรัฐหรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือให้แน่ชัดเสียก่อน เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ และสูญเสียเงินหรือทรัพย์สินโดยไม่ทันรู้ตัว