“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย จะลงสนามรอบชิงชนะเลิศ ศึกชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2020” รอบชิงชนะเลิศ พบ อินโดนีเซีย นัด 2 เตะวันที่ 1 ม.ค.65 เวลาไทย 19.30 น. ช่อง 7 HD และ AIS PLAY ถ่ายทอดสด นัดแรกไทยชนะมาก่อน 4-0 เป็นสกอร์รอบชิงฯ ที่ขาดลอยสุดในประวัติศาสตร์รายการนี้ สถานการณ์เป็นต่อบานเบอะ

โดยเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ได้มีการแถลงข่าวก่อนเกม  มาโน โพลกิง โค้ชทีมชาติไทย กล่าวว่า มีเวลาเตรียมทีม 2 วัน เน้นที่การฟื้นฟูร่างกาย ส่วนคนที่ไม่ได้เล่นก็ซ้อมตามปกติเพื่อให้ทุกอย่างพร้อมสำหรับเกมวันพรุ่งนี้ เมื่อวานได้ย้ำว่า รอบชิงยังไม่จบ ผลการแข่งขันที่ทำได้ดีในเกมแรก ยังต้องทำต่อไปให้ดีอีกเกมหนึ่ง ต้องการเริ่มเกมให้ดี อีกครั้ง และทำผลงานให้ดี เพื่อจบเลก 2 ให้สวยงาม เหมือนกับเกมแรก

มาโน ยืนยันด้วยว่า จะเล่นเกมรุก เหมือนเดิม ในเกม 2 “เกมรอบรองที่เจอกับเวียดนามเลกแรก เรานำไปก่อน 2-0 และเราต้องเจอกับบอลยาวมากขึ้น สถานการณ์ ณ ตอนนั้นคือเราต้องตั้งรับให้แน่น แม้เราไม่ถนัด แต่มันถูกต้องนั่นคือสิ่งที่เราต้องทำ ในเกมนี้เลกแรก เราเล่นได้ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์ ทำให้เราได้เปรียบมาก จากสถานการณ์ตอนนี้ เราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาตั้งรับ เราต้องการจบทัวร์นาเมนต์ ในแนวทางที่เราถนัด ด้วยการเปิดเกมรุก และครองบอล”

มาโน กล่าวถึงนักเตะทีมชาติไทยว่า นักเตะในทีมต่างทำผลงานได้ดีหมดทุกคน แต่ก็ปฏิเสธคุณภาพของ ชนาธิป ไม่ได้ เพราะว่าในสนาม หรือนอกสนาม สามารถแสดงความเป็นผู้นำที่ดี และแสดงคุณภาพออกมาให้เห็น เจ้าเจ กำลังมีทัวร์นาเมนต์ ที่ยอดเยี่ยม

“ทุกคนต้องพยายามทำแบบ ชนาธิป ถ้ามีโอกาส ที่จะได้เล่นลีกที่แข็งแกร่งกว่าในบ้านเกิด ต้องคว้าโอกาส สิ่งที่ ชนาธิป แสดงให้เห็นคือเขาคว้าโอกาสมาในเจลีก และกลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในเจลีก เพราะฉะนั้น ต้องทำงานหนัก ถ้ามีโอกาสต้องทำให้ได้”

โค้ชมาดร็อก กล่าวต่อไปว่า อนาคตเป็นสิ่งสำคัญ นักเตะที่เพิ่งเข้ามาอย่าง วีระเทพ ป้อมพันธุ์ จะช่วยต่อยอดได้ และทำให้อนาคตของทีมชาติไทย ไปในทางที่ดี และต้องรักษาคุณภาพให้ได้ ไม่ใช่แค่ วีระเทพเท่านั้น หลายคนทำได้อย่างยอดเยี่ยม อย่าง กฤษดา กาแมน ที่เพิ่งอายุ 22 ปี และเล่นมาเกือบทุกนัด ในตำแหน่งที่ไม่ได้ถนัด ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม

“เรามีอนาคตที่ดี มันเป็นส่วนหนึ่งของอนาคตทีมชาติไทย เรายังมีนักเตะที่ดีอีกมากมาย จากชุด ยู23 ที่ต้องไปแข่งที่อุซเบกิสถาน ทัวร์นาเมนต์นี้เราไม่ได้มีเวลามากมายในการคิดที่จะซ้อม เราใช้แค่ความรู้จัก สิ่งที่เห็นจากนักเตะ เรารู้จักนักเตะชุดนี้ดี และเรียกตัวมารวมกัน อธิบายแผนการเล่น มีความชัดเจน สุดท้ายมันอยู่ที่นักเตะ เราต้องให้เครดิตกับพวกเขา ที่รับฟังและเข้าใจ ทำได้ตามแผนในช่วงที่ผ่านมา”

ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการแต่งตัวของ มาโน ที่ใช้ชุดเดิมตลอดทัวร์นาเมนต์ เจ้าตัวตอบว่า “ที่ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเองเชื่อว่าถ้าอะไรมันได้ผล อะไรมันดีอยู่แล้ว ก็ไม่อยากจะเปลี่ยน ถุงเท้า แม้แต่กางเกงในยังตัวเดิม เสื้อกางเกงก็ตัวเดิม แต่ซักทุกครั้ง”

เมื่อถามถึงอนาคตการคุมทีมชาติไทย โดยเขาเซ็นสัญญาไว้แค่จบทัวร์นาเมนต์ซูซูกิคัพนั้น มาโน กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดถึง มุ่งมั่นนำแชมป์กลับไปฝากคนไทยก่อน

ด้าน วีระเทพ ป้อมพันธุ์ กองกลางทีมชาติไทย กล่าวว่า เป็นประสบการณ์ที่ดี และเป็นแนวทางที่ดีในการต่อยอด เพราะในทีมทั้งรุ่นพี่และทุกคนต่างมีคุณภาพ นี่เป็นรายการแรกของตนในนามทีมชาติ ก็ตื่นเต้น ส่วนการไปต่างแดน น่าจะเป็นเรื่องจังหวะและโอกาส ถ้ามีโอกาสจริงๆ อยากไปต่างประเทศ เพื่อไปพัฒนาตัวเอง นำประสบการณ์มายกระดับ และต่อยอดสู่ทีมชาติ เพื่อให้ทีมชาติไทยพัฒนามากขึ้น มีผลงาน เป็นตัวอย่างให้หลายคน เหมือนรุ่นพี่ ได้เดินตามรอย เก็บประสบการณ์พัฒนาตัวเอง และทำให้ดีที่สุด และจะพาทีมชาติไทย ไปอีกระดับ และอยู่ในจุดที่ดีกว่าเดิม.