“คนไทยไม่ทิ้งกัน” เป็นเจตนารมณ์สำคัญที่ กลุ่ม ปตท. ได้ยึดถือมาโดยตลอด ล่าสุดได้จัดส่งทีมผู้เชี่ยวชาญของบริษัทในกลุ่ม ปตท. สนับสนุนภารกิจระงับเหตุไฟไหม้โรงงานสารเคมีหมิงตี้ ในพื้นที่ของ จ.สมุทรปราการ พร้อมให้การช่วยเหลือประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งนี้อย่างเร่งด่วน

กลุ่ม ปตท. โดย นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากกรณีเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้ เคมีคอล ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง

กลุ่ม ปตท. ได้มีความห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าว จึงระดมความช่วยเหลือจากบริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการสารเคมีและระงับเหตุเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยได้ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นไปแล้ว ดังนี้ กลุ่มสายงานระบบท่อส่งก๊าซฯ สนับสนุนโฟมดับเพลิง 250 ลิตร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) สนับสนุนโฟมดับเพลิง 6,800 ลิตร รวมถึงรถดับเพลิง พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติการ บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอลเซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดับเพลิง กู้ภัย และระงับเหตุฉุกเฉิน ได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมเจ้าหน้าที่เพื่อร่วมปฏิบัติการ และให้คำปรึกษาในเหตุไฟไหม้ดังกล่าวครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดส่งอุปกรณ์หัวฉีดน้ำดับเพลิงแบบ Fix Monitor หุ่นยนต์ดับเพลิง รวมถึงโฟมดับเพลิง 3,000 ลิตร เพื่อใช้ในการระงับเหตุในครั้งนี้อีกด้วย ขณะที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ปตท. พร้อมกลุ่มความร่วมมือช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน (EMAG: Emergency Mutual Aid Group) ซึ่งเป็นการรวมตัวของทีมตอบโต้เหตุฉุกเฉินในกลุ่มโรงงานนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุดและใกล้เคียงของ จ.ระยอง ด้วยการสนับสนุนโฟมที่ใช้ในการดับเพลิงดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง นายอรรถพล กล่าวเรื่องนี้

พร้อมกับให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงการให้ความช่วยเหลือ ที่ กลุ่ม ปตท. ได้ให้การสนับสนุนในภารกิจครั้งว่า นอกจากการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญของ ปตท. เข้าร่วมภารกิจระงับเหตุครั้งนี้แล้ว ยังได้นำเอาผลงานนวัตกรรมของ กลุ่ม ปตท. เข้าร่วมในการปฏิบัติงานในครั้งนี้อีกด้วย อาทิ อุปกรณ์ของบริษัท NPC S&E ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้ในการระงับเหตุโดยเฉพาะ เนื่องจากบริษัทดังกล่าวนี้มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องของการกู้ภัย และการระงับเหตุฉุกเฉิน ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม หุ่นยนต์ดับเพลิง ที่พัฒนาขึ้นโดยทีมผู้เชี่ยวชาญของ NPC S&E ที่มีความสามารถช่วยเข้าดับเพลิงในพื้นที่ซึ่งมนุษย์อาจเข้าถึงได้ยากลำบาก หัวฉีดน้ำดับเพลิงแบบ Fix Monitor ที่เป็นรถน้ำพร้อมหัวฉีดที่มี High Flow Rate อยู่ที่ 2500 GPM พร้อมโฟมดับเพลิงจากสารเคมี ซึ่งช่วยให้ดับไฟได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการระงับเหตุมากขึ้น

นอกจากการจัดสิ่งผู้เชี่ยวชาญและอุปกรณ์สำคัญที่เป็นนวัตกรรมของ กลุ่ม ปตท. แล้ว หลังจากระงับเหตุไฟไหม้ได้แล้ว ทาง กลุ่ม ปตท. ก็ยังได้ให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดย นายอรรถพล กล่าวว่า หลังจากสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ภารกิจสำคัญต่อไปก็คือ การทำให้สารสไตรีนโมโนเมอร์ที่อยู่ในพื้นที่ไม่ติดไฟอีก ด้วยการใช้สารเคมีอื่นฉีดเข้าไปเพื่อให้เกิดปฏิกิริยา โดยได้แบ่งการทำงานเรื่องนี้ออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรกคือสารเคมีที่อยู่ภายนอกบ่อ ที่ได้ใช้สารดับเพลิง F-500 Encapsulator จำนวน 10,000 ลิตร ที่มีคุณสมบัติทำให้สารสไตรีนโมโนเมอร์ไม่ติดไฟอีกฉีดเข้าไป เพื่อทำให้พื้นที่โดยรวมมีความปลอดภัย ส่วนที่สองคือสารเคมีที่อยู่ในบ่อ ที่ได้ใช้สารเคมีที่เรียกชื่อย่อว่า DEHA จำนวน 600 ลิตร เทลงไปเพื่อป้องกันไม่ให้สารสไตรีนโมโนเมอร์เกิดปฏิกิริยาใด ๆ ขึ้นภายในบ่อ โดยช่วยทำให้ไม่เกิดความร้อน ไม่ขยายตัว และไม่มีแรงดันที่จะนำมาสู่การติดไฟหรือเกิดระเบิดขึ้นอีก นายอรรถพล เผยรายละเอียดที่ กลุ่ม ปตท. ได้เข้าร่วมสนับสนุนภารกิจระงับเหตุครั้งนี้

ขณะที่การให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบเหตุในครั้งนี้ กลุ่ม ปตท. ได้สนับสนุนอุปกรณ์และสิ่งของที่จำเป็นในเบื้องต้น ได้แก่ หน้ากากอนามัย ผ้าห่ม กล่องพลังใจ (ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน) และหน้ากากป้องกันสารพิษ โดยมอบให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ เพื่อส่งต่อให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ในจุดพักพิงผู้ประสบภัยทั้ง 9 จุดในพื้นที่

พร้อมกันนี้ นายอรรถพล ได้เน้นย้ำว่า เหตุเพลิงไหม้และภัยร้ายต่างๆ คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว ย่อมสร้างทั้งความเดือดและความเจ็บปวดให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ การร่วมบรรเทาทุกข์และระงับเหตุเหล่านี้หวังว่าจะช่วยทำให้รอยยิ้มของประชาชนคืนกลับมาได้อีกครั้ง และเพื่อเป็นการเน้นย้ำให้เห็นถึงเจตนารมณ์สำคัญที่ กลุ่ม ปตท. ได้ยึดถือมาตลอด นั่นก็คือ “คนไทยไม่ทิ้งกัน”