จากกรณีปัญหาราคาเนื้อหมูแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่บริเวณหลังวิทยาเทคนิคมหาสารคาม หรือ แยกวงเวียนโรงเรียนอนุบาลมหาสารคาม มีร้านข้าวเหนียวหมูปิ้ง ประมาณ 4-5 ร้าน โดยเจ้าของร้านต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ราคาเนื้อหมูที่ขึ้นราคาส่งผลกระทบโดยตรง ทำให้ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งหมูปิ้งเป็นอาหารเร่งด่วนในช่วงเช้า คนไม่มีเวลา หรือนักเรียน นักศึกษานิยมซื้อรับประทานในช่วงเวลาเร่งด่วน

โดย นางละมุล ยมศรีเคน แม่ค้าขายหมูปิ้ง เปิดเผยว่า ตนขายหมูปิ้งมานานเกือบ 30 ปี ตั้งแต่ราคาเนื้อหมูกิโลกรัมละ 75 บาทจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในขณะตนขายอยู่ในราคาไม้ละ 5 บาท ข้าวเหนียวถุงละ 5 บาท ตอนนี้หมูซื้ออยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 200 บาท ถือว่าแพงมากที่สุดเท่าที่เคยขายหมูปิ้งมา แต่ละวันใช้เนื้อหมูวันละ 15-20 กิโลกรัม สามารถเสียบไม้ได้ 600 ไม้ หลังจากที่ราคาหมูปรับราคาเพิ่มขึ้นสูงมากทางร้านยังขายราคาเดิม แต่จะมีการลดปริมาณลงจนกลายเป็นหมูผอม (หมูไม้เล็กลง) แต่ลูกค้าก็เข้าใจไม่บ่น ลูกค้าบางคน เคยชื้อ 5 ไม้ ก็ต้องซื้อเพิ่มเป็น 6 ไม้ เพราะปริมารณหมูแต่ละไม้ลดลง ไม่อิ่มต้องซื้อเพิ่มอีกไม้ แต่ถ้าถ้าเพิ่มอีกหลายไม้ก็คงไม่ไหว ก็เอาพออิ่ม ถ้าหาหากตรุษจีนหรือสงกรานต์ปรับขึ้นอีก อาจถึงขั้นเลิกขายเพราะสู้ต้นทุนไม่ไหว วอนรัฐเห็นใจพ่อค้าแม่ค้าด้วย

อย่างไรก็ตาม พ่อค้าแม่ค้าหมูปิ้งได้พยายามหาทางออกด้วยการนำ ข้าวเหนียว เนื้อ แหนม และ ปลา มาปิ้ง-ย่าง พร้อมกับนำอาหารอีสานมาเสริม เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกอื่น ๆ เพราะหากขายแต่หมูปิ้งอย่างเดียว ก็จะไม่มีกำไรอะไรเลย ซึ่งทางร้านต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นแต่ก็ยังไม่ปรับราคาหมูปิ้งและยังคงจำหน่ายราคาไม้ละ 5 บาทไว้เช่นเดิมแต่จะลดปริมาณลง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาควบคุมดูแล ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง.