เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ว่า เชื้อกระจายไปทั่วโลก โดยเฉพาะ อเมริกา อินเดีย บราซิล สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศสติดเชื้อใกล้ 300 ล้านคน และในหลายๆ ทวีป ที่มีข้อสังเกตคืออัตราการเสียชีวิตเริ่มลดน้อยลงจากเดิม อยู่ที่ 2.2% ขณะนี้เหลือ 1.8% เพราะเชื้ออ่อนแรงเนื่องจากมีการฉีดวัคซีนไปทั่วโลก และการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่รายงาน 5,775 ราย เพิ่มมากกว่าค่าเฉลี่ยใน 7 วันย้อนหลังซึ่งอยู่ที่ 3,561 ราย วันนี้เป็นวันที่ผู้ป่วยเพิ่มค่อนข้างมาก โดยเป็นผู้มาจากต่างประเทศ 215 รายโดยจากระบบ test & go 135 ราย แซนด์บ็อกซ์ 62 ราย แต่แนวโน้มคนมีอาการหนักปอดอักเสบลดลง เหลือ 536 ราย และผู้ที่มีอาการมากต้องใส่ท่อช่วยหายใจลดลงเหลือ 146 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 11 คน แนวโน้มลดลง สำหรับผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดในวันนี้เป็นผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี หรือมีโรคประจำตัวเรื้อรัง เพราะฉะนั้นท่านใดที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ขอให้ลูกหลานผู้เกี่ยวข้องแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพาคนเหล่านี้ไปรับวัคซีนเพราะวัคซีนพิสูจน์หลายครั้งแล้วว่าลดการเสียชีวิตในผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังและผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดี

“ถ้าดูในภาพรวมแนวโน้นเส้นกราฟที่ทำนายเอาไว้ค่อนข้างขึ้นเร็ว และถ้าไม่มีมาตรการหรือความร่วมมือของประชาชน จะทำให้เรามีผู้ติดเชื้อเกิน 10,000 รายต่อวันได้ภายในเร็ววันนี้ แต่ผู้เสียชีวิต ยังมีแนวโน้มลดลง ถึงแม้ว่าโอมิครอนอาการไม่รุนแรงแต่หากยังติดเชื้อในกลุ่มเสี่ยงก็มีความเสี่ยงเสียชีวิตได้” นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส เปิดเผยว่าการประชุม ศบค.วันที่ 7 ม.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เตรียมเสนอปรับระดับสีจังหวัด

ส่วนประเด็นมีพื้นที่สีแดงกี่จังหวัดนั้น นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ถ้าดูสถานการณ์จะมีอยู่ 10 จังหวัดที่มีอัตราการติดเชื้อเกิน 100 รายต่อวัน แต่ต้องประเมินอีกครั้ง สำหรับมาตรการที่จะเข้าไปดำเนินการนั้นเบื้องต้นกรณีพื้นที่สีแดง สีส้ม ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเอกสารประกอบการแถลงข่าวของกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามี 12 จังหวัดที่มีอัตรการติดเชื้อรายใหม่ เกิน 100 ราย อันดับ 1 คือ จังหวัดชลบุรี ติดเชื้อ 769 ราย 2.สมุทรปราการ 494 ราย 3.กทม. 454 ราย 4.เชียงใหม่ 378 ราย 5.อุบลราชธานี 348 ราย 6.ขอนแก่น 242 ราย 7.ภูเก็ต 226 ราย 8.ระยอง 121 ราย 9.นครศรีธรรมราช 120 ราย 10.อุดรธานี 116 ราย 11.ฉะเชิงเทรา 108 ราย และ 12.มหาสารคาม 100 ราย.