สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ว่า นพ.เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ โอมิครอน ว่าแม้ก่อให้เกิดอาการป่วยในระดับ “หนักน้อยกว่า” เมื่อเทียบกับเชื้อเดลตา โดยเฉพาะในผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบแล้ว แต่ทุกฝ่ายยังไม่ควรชะล่าใจว่าเชื้อตัวนี้ “ไม่รุนแรง” หรือ “อ่อน”
นพ.เทดรอส เน้นย้ำว่า เชื้อโอมิครอนยังคงมีคุณลักษณะเหมือนเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ตัวอื่น นั่นคือ ทำให้ทุกคนป่วยและเสียชีวิตได้ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เชื้อเดลตายังคงเป็นสายพันธุ์หลักของโลกในภาพรวม แต่การที่มีเชื้อโอมิครอนเข้ามาร่วมด้วย ดับเบิลยูเอชโอยิ่งมีความวิตกกังวล เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เรียกว่า “สึนามิ” ของการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
"While Omicron does appear to be less severe compared to Delta, especially in those vaccinated, it does not mean it should be categorized as ‘mild’.
— World Health Organization (WHO) (@WHO) January 6, 2022
Just like previous [#COVID19] variants; Omicron is hospitalizing people and it is killing people." says @DrTedros. pic.twitter.com/7QZxMSvZ6q
ขณะเดียวกัน นพ.เทดรอส กล่าวถึงสถิติการฉีดวัคซีนของแต่ละประเทศบนโลก ว่าจากเป้าหมายที่ดับเบิลยูเอชโอ ซึ่งต้องการให้ทุกประเทศฉีดวัคซีนอย่างน้อยสองเข็ม ให้ครอบคลุมประชากรไม่ต่ำกว่า 70% ภายในเดือน ก.ค.นี้ แต่มีแนวโน้มว่า อย่างน้อย 109 ประเทศจะไม่สามารถร่วมบรรลุเป้าหมายนั้นได้ เนื่องจากยังไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนอย่างเพียงพอ และยังคงมีอุปกสรรคในเรื่องของการกระจายวัคซีน
สำหรับสถิติการติดเชื้อไวรัสโคโรนา รวบรวมโดยดับเบิลยูเอชโอในรอบสัปดาห์ล่าสุด จนถึงวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 9.5 ล้านคน คิดเป็น 71% แต่สถิติผู้เสียชีวิตในรอบ 7 วันล่าสุดลดลง 10% อยู่ที่ประมาณ 41,000 ราย
เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ บี.1.640 ซึ่งมีการยืนยันผู้ป่วยในหลายประเทศ ตั้งแต่เดือน ก.ย.ปีที่แล้ว “เป็นหนึ่งในหลายสายพันธุ์” ที่ดับเบิลยูเอชโอจับตามานานระยะหนึ่งแล้ว และจนถึงขณะนี้ เชื้อตัวดังกล่าวยังคงแพร่กระจาย “อยู่ในวงจำกัด”.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES