เมื่อวันที่ 10 ม.ค. น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ซึ่งอยู่ระหว่างการหาเสียงช่วย นายธิวัชร์ ดำแก้ว ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 6 จ.สงขลา พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้การหาเสียงเลือกตั้งเดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ก่อนจะมีการลงคะแนนในวันที่ 16 ม.ค.นี้ มั่นใจว่า นายธิวัชร์ จะได้รับความเชื่อใจจากประชาชนชาวสงขลาเพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เลือกให้เป็น ส.ส.เขต จากพรรคก้าวไกล​ เป็นคนแรกของภาคใต้

น.ส.เบญจา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แม้เป็นเรื่องธรรมดาที่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งจะแข่งขันกันดุเดือดเข้มข้นขึ้น แต่ตนก็อยากเห็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายภายใต้กติกาเดียวกัน ที่ผ่านมา ในการเลือกตั้ง ปี 62 ทุกพรรคการเมืองรับรู้แนวปฏิบัติเดียวกันว่า ไม่สามารถเข้าไปหาเสียงหรือจัดกิจกรรมทางการเมืองในวัดได้ ไม่ว่าจะการปราศรัยหรืออื่นๆ ยกเว้นไปไหว้พระขอพร เนื่องจากก่อนหน้านั้น สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อัมพโร) ทรงลงพระนามใน ประกาศมหาเถรสมาคม​ (มส.) เรื่อง ห้ามใช้วัดเป็นสถานที่ชุมนุม สัมมนา หรือ จัดกิจกรรมทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 30 ส.ค. 61 เป็นต้นมา โดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เคยกล่าวถึงยืนยันถึง ประกาศ มส. ดังกล่าวว่า เป็นประกาศย้ำเพื่อแจ้งแก่วัดต่างๆ​ ให้มีแนวปฏิบัติเดียวกัน เนื่องจาก ประกาศ มส. เรื่องห้ามหาเสียงในวัดมีมานานแล้ว

“แต่ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 6 ในครั้งนี้ บางพรรคการเมืองไม่ได้ยึดเอาแนวปฏิบัติดังกล่าวเป็นที่ตั้ง เช้าวันนี้ (10 ม.ค. 65) พรรคประชาธิปัตย์ เพิ่งตั้งเวทีปราศรัยในวัดวังปริง อำเภอสะเดา จ.สงขลา ทั้งยังเตรียมจะจัดเวทีปราศรัยที่ วัดเทพชุมนุม ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ ด้วย ซึ่งเป็นวัดเดียวกับที่ทางพรรคพลังประชารัฐ กำลังจะใช้จัดเวทีปราศรัยใหญ่ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในช่วงค่ำนี้” น.ส.เบญจา กล่าว

น.ส.เบญจา กล่าวว่า จึงต้องข้อสอบถามไปยัง กกต.ในฐานะผู้กำกับดูแลการเลือกตั้งให้เป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายว่า ในเรื่องนี้มีแนวปฏิบัติอย่างไรกันแน่ และหากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจะมีมาตรการอย่างไรกับกรณีที่เกิดขึ้น ขอย้ำว่า เราไม่เคยมีปัญหากับการไปหาเสียงในวัดเลยและยินดีอย่างยิ่งในการสนับสนุนให้วัดจะเป็นพื้นที่ของทุกคนและทำให้ภิกษุสงฆ์เป็นอีกพลังของการส่งเสริมประชาธิปไตย ถ้าเรื่องนี้ทำได้ เราคงไปตั้งเวทีปราศรัยตั้งแต่อดีตเป็นพรรคอนาคตใหม่แน่นอน เพียงแต่หลายครั้งเมื่อฝ่ายประชาธิปไตยเข้าไปทำกิจกรรม เป็นรัฐบาลเองที่กีดกันมักอ้างคำสั่งนี้มาใช้ พอตัวเองจะหาประโยชน์จากวัดกลับไม่เกรงใจคำสั่งสมเด็จพระสังฆราช ทำเหมือนมองไม่เห็นทั้งที่เนติบริกรของท่านเองรู้กฎหมายดีที่สุด และขอฝากอีกครั้งไปยัง กกต. ว่าเมื่อมีหน้าที่กำกับการเลือกตั้ง ก็ต้องใช้แนวปฏิบัติด้วยความความสม่ำเสมอ ไม่ใช่เลือกตั้งครั้งก่อนแบบหนึ่ง ครั้งนี้อีกแบบหนึ่ง เคร่งครัดกับฝ่ายค้าน แต่กับฝ่ายรัฐบาลพร้อมตีความยืดหยุ่นให้เสมอ