เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรับการประสานขอความช่วยเหลือจาก นายจำนงค์ บุตรธนา อายุ 44 ปี อาชีพก่อสร้าง โดยเมื่อได้เจอกันนายจำนงค์ ได้ก้มลงกราบแทบเท้าทั้งน้ำตา พร้อมวิงวอนขอให้เป็นสื่อกลางช่วยเหลือให้ได้พบหน้าหลานชาย อายุ 8 ขวบ ที่ต้องพลัดพรากจากกันมานานเกือบ 1 ปี หลังสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านบางละมุง จ.ชลบุรี รับมาอนุเคราะห์อยู่ในความดูแล โดยนายจำนง เปิดเผยว่า เลี้ยงดูหลานชายคนนี้มาตั้งแต่กำเนิด หลังคลอดมาไม่นานพ่อกับแม่เด็กก็ทิ้งไป ตนจึงชุบเลี้ยงดูแลมาตลอด ส่งเสียให้เรียนหนังสือถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 กระทั่งการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องตกงาน ไม่มีเงินจ่ายค่าห้องเช่า และไม่มีรายได้พอที่จะเลี้ยงดูหลาน ทำให้ต้องพากันร่อนเร่อาศัยข้าว ชายคาวัดต่างๆ​ พักพิง จนต้องแยกจากกันในทุกคืนต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมาน คิดถึงหลานชายเพราะไม่เคยต้องจากกันนานแบบนี้ จึงขอวิงวอนให้ทางหน่วยงาน อนุญาตให้ได้พบหน้าหลานสักครั้ง เพราะคิดถึงหลานชายจนแทบจะขาดใจอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 มี.ค.64 นายกิตติพงษ์ กิติคุณ นายอำเภอสัตหีบ พร้อมเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์ ได้เข้าให้การช่วยเหลือนายจำนงค์ กับหลาน ขณะมาขออาศัยพักชายคาศาลาการเปรียญวัดป่ายุบ หลับนอนชั่วคราว ด้วยเหตุผลที่ทางนายจำนงค์ ไม่มีงานทำ ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง และไม่มีภาวะพอที่จะดูแลหลานได้ เจ้าหน้าที่จึงได้รับตัวหลานชายไปอยู่ในความอนุเคราะห์ของ สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านบางละมุง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ซึ่งทางนายจำนงค์ ได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อสอบถาม ขอเข้าพบหลาน แต่ต้องถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ทั้งสองไม่ได้พบหน้ากัน ด้วยเหตุนี้นายจำนงค์ จึงวิงวอนผ่านสื่อให้ช่วยเหลือดังกล่าว

เบื้องต้นผู้สื่อข่าวโทรศัพท์ติดต่อไปยังสถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านบางละมุง เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องไว้แล้ว ขอเวลาตรวจสอบข้อมูลว่าหลานนายจำนงค์ อยู่ในความดูแลของส่วนไหน โดยให้คำมั่นว่าจะช่วยเหลือ ให้ปู่กับหลานได้พบหน้ากันอย่างแน่นอน โดยจะติดต่อกลับมาให้คำตอบอีกครั้งวันที่ 12 ม.ค.นี้ต่อไป