จากกรณีเหตุทะเลาะวิวาทของอาสา 2 มูลนิธิร่วมกตัญญูและมูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพ ในพื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง และ สน.โคกคราม โดยมีการใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงมากกว่า 20 นัด จนเรื่องราวบานปลาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เรียกตัวแทนจากทั้งสองฝ่ายมาพูดคุยสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตามที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ม.ค. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวมูลนิธิผู้ก่อเหตุว่า ล่าสุด ทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว ซึ่งผู้ใหญ่ทั้ง 2 มูลนิธิได้ประสานมายังตำรวจนครบาลว่า จะนำตัวผู้ก่อเหตุมามอบตัว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีนำตัวมาแต่อย่างใด ซึ่งการนัดหมายมอบตัวดังกล่าวไม่ได้ระบุวันเวลา ดังนั้นตำรวจก็จะไม่รอให้ผู้ก่อเหตุมามอบตัว แต่จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับทันทีที่สำนวนพร้อม ขณะนี้คดีแบ่งออกเป็น 2 พื้นที่ของ สน.ทุ่งสองห้อง แบ่งออกเป็น 2 คดี คือคดีทำร้ายร่างกาย และคดียิงปืนขึ้นฟ้าข่มขู่ ซึ่งคดีนี้มีผู้ต้องหาชัดเจนแล้ว 2 คน และยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานอีกบางส่วน

ศึก2มูลนิธิดังทะเลาะบานปลาย สาดกระสุนใส่ไม่ยั้งโชคดีไร้ตาย

“ส่วนที่ สน.โคกคราม อีก 1 คดี คือคดีทำร้ายร่างกายโดยใช้อาวุธ มีผู้กระทำผิดไม่ต่ำกว่า 3 คน ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ได้ย้ำว่า ให้เร่งรัดการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้โดยเร็วที่สุด และทำคดีอย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริง แต่ในขณะเดียวกัน ทาง ผบช.น. ก็ไม่ได้ขีดเส้นตายการทำงานของพนักงานสอบสวนหรือผู้ต้องหาแต่อย่างใด เพียงเน้นย้ำให้พนักงานสอบสวนและตำรวจฝ่ายสืบสวนทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ต้องหาหากสำนึกได้ ก็ควรรีบเข้ามอบตัวจะเป็นประโยชน์กว่า” รอง ผบช.น. กล่าว

พล.ต.ต.ไตรรงค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มูลนิธิเพชรเกษม ออกวิ่งทับซ้อนเส้นทางรับ-ส่งผู้ป่วยโดยไม่มีใบอนุญาตว่า หลังจากนี้จะเร่งประสานไปยังหน่วยงานที่ทำการออกใบอนุญาตว่า ทางมูลนิธิได้ยื่นเอกสารขออนุญาตแล้วหรือไม่ ส่วนกรณีการตรวจค้นรถอาสากู้ภัยทุกคันที่ออกปฏิบัติงานนั้น เนื่องจาก ผบช.น.ให้แนวนโยบายมาแล้ว ก็สามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที เพราะรถกู้ภัยต้องไม่มีอาวุธ.