เมื่อวันที่ 18 ก.ค. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ลงนามในประกาศ กพท. เรื่อง แนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศในเส้นทางการบินภายในประเทศ ในระหว่างสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) ฉบับที่ 3 เพื่อยกระดับการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของรัฐบาลที่มุ่งลดและจำกัดการเคลื่อนย้าย การเดินทางของบุคคล และการดำเนินกิจกรรมในระบบขนส่งสาธารณะให้มากที่สุด รวมถึงคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ทั้งนี้ประกาศดังกล่าวจะใช้บังคับแก่เที่ยวบินภายในประเทศที่ให้บริการผู้โดยสารเท่านั้น มีผลตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.64 เป็นต้นไป   

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า สำหรับแนวปฏิบัติฯ มีดังนี้ ห้ามมิให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศปฏิบัติการบินรับส่งผู้โดยสารเข้าหรือออกพื้นที่ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม ในช่วงเวลาที่มีการระบาดสูงตามข้อกำหนด เว้นแต่เป็นเที่ยวบินที่เกี่ยวข้องกับโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (Sandbox) หรือเป็นกรณีอากาศยานที่ขอลงฉุกเฉิน หรือขอลงทางเทคนิคโดยไม่มีผู้โดยสารลงจากเครื่อง หรือมีความจำเป็นและได้รับอนุญาตจาก กพท. อย่างไรก็ตามการที่สายการบินยกเลิกเที่ยวบิน และรวมเที่ยวบิน ให้แจ้งและดูแลผู้โดยสารอย่างเหมาะสม

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ให้ผู้ดำเนินการสนามบิน และผู้ดำเนินการเดินอากาศ จัดเตรียมเอกสารรับรองความจำเป็นให้กับผู้ที่ต้องปฏิบัติงานขนส่งสาธารณะในสังกัดของตนซึ่งได้รับการยกเว้น เพื่อใช้แสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่หากมีการตรวจสอบในการปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด อย่างไรก็ตามในส่วนของการให้บริการในพื้นที่อื่นนอกเหนือจาก 13 จังหวัด ให้ปฏิบัติดังนี้ 1.ในการปฏิบัติการบินเพื่อรับส่งผู้โดยสาร ให้มีผู้โดยสารได้ไม่เกิน 50% ของขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารของอากาศยานที่ใช้ในเที่ยวบินนั้นๆ และให้จัดที่นั่งโดยคำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่าง เพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่นแออัด

2.ก่อนเข้าพื้นที่ท่าอากาศยาน ให้ผู้ดำเนินการสนามบินทำการตรวจคัดกรองบุคคลที่เข้ามาใช้บริการในท่าอากาศยานอย่างเข้มงวด 3.ก่อนออกบัตรโดยสารให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศตรวจสอบเอกสารสำคัญของผู้โดยสารตามมาตรการป้องกันโรคของจังหวัดปลายทางอย่างเคร่งครัด หากตรวจสอบแล้วพบว่าเอกสารไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วน อาจพิจารณาระงับการออกบัตรโดยสารแก่ผู้โดยสาร 4.ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่องที่สถานีต้นทาง หากอุณหภูมิสูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียสให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันที

5. ก่อนออกจากพื้นที่ท่าอากาศยาน ให้ผู้ดำเนินการสนามบินตรวจคัดกรองผู้โดยสารอย่างเข้มงวด โดยการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย 6. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินติดตามดูแลให้ผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆ ในเขตพื้นที่ท่าอากาศยานปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. โดยเคร่งครัด 7. ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศ เพิ่มความเข้มงวดติดตามดูแลให้ประชาชนผู้มาใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการในระเบียบ กพท. และมาตรการ แนวทาง หรือแนวปฏิบัติอย่างอื่นที่ ศบค. หรือรัฐบาลกำหนด และ 8.ให้ผู้ดำเนินการสนามบินและผู้ดำเนินการเดินอากาศแจ้งเตือนผู้โดยสารกรณีเป็นผู้ป่วยยืนยัน หรือผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ให้งดเดินทาง หากฝ่าฝืนอาจได้รับโทษตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (พื้นที่สีแดงเข้ม) ประกอบด้วย 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, นครปฐม, นนทบุรี, นราธิวาส, ปทุมธานี, ปัตตานี, พระนครศรีอยุธยา, ยะลา, สงขลา, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร.