เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในอ.เบตง จ.ยะลา จำนวนมาก ต่างนำไฟฉายส่องสว่าง ถุงพลาสติก ขวดน้ำเปล่า แห่ออกมาจับจั๊กจั่นที่เกาะตามเสาไฟฟ้าและพุ่มไม้ที่มีแสงไฟในยามค่ำคืน สร้างรายได้เสริมในช่วงราคายางตกต่ำและการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่ในขณะนี้ ซึ่ง 2 ปี จะมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่จั๊กจั่น ออกมาจากป่าให้ชาวบ้านได้จับ

ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ก่อนที่ฤดูร้อนจะมามาถึง จะเป็นช่วงที่จะพบจั๊กจั่นมากที่สุด โดยจั๊กจั่นจะคลานต้วมเตี้ยม ขึ้นมาเหนือพื้นดินและไต่ขึ้นไปเกาะอยู่ตามกิ่งต้นไม้ต่างๆ ก่อนลอกคราบกลายเป็นจั๊กจั่นอย่างสมบูรณ์โดยจะเกาะอยู่ตามต้นไม้ และกินน้ำเลี้ยงของต้นไม้เป็นอาหาร ช่วงที่โตเต็มวัยจะมีระยะเวลาประมาณ 4 เดือน ซึ่งจะได้ยินเสียงร้องของจั๊กจั่นดังระงมไปทั่วเมืองเบตง

โดยชาวบ้านจะใช้แสงไฟนีออนสีม่วงมาล่อจักจั่นให้มาเล่นไฟ และเลือกจับเฉพาะจั๊กจั่นที่มีตัวสีดำ ท้องสีส้ม ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีเนื้อมีความมัน กว่าจั๊กจั่นสายพันธุ์อื่นๆ โดยทำการจับตัวที่บินตกมาตามจุดต่างๆ จับด้วยมือเปล่า และขายจักจั่นตัวเป็นๆ ตัวละ 2-3 บาท และชาวบ้านจะนำไปโพสต์ขายในเฟซบุ๊ก หรือส่งขายตามร้านอาหารต่างๆ ทั้งในพื้นที่ และต่างพื้นที่ พบการขายจั๊กจั่นก็จะเหมาในราคาตัวละ 3 บาท ส่วนตัวจักจั่น ที่ผ่านการทอดกรอบมาแล้วก็จะคิดตัวละ 5 บาท ซึ่งในแต่ละคืนสามารถจับจั๊กจั่นสร้างรายได้ประมาณ 1,500 –2,500 บาทต่อคืน ซึ่งหากเป็นคืนที่มีอากาศเย็นพอดี จั๊กจั่นจะออกมาเป็นจำนวนมาก

สำหรับจั๊กจั่น สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น ทอด คั่ว หมก ยำ แกง และนำมาทำเมี่ยง กินกับข้าว และกับแกล้ม และยังจัดเป็นอาหารยาอีกด้วย ส่วนขั้นตอนการนำไปปรุงอาหาร ก่อนอื่นต้องเด็ดปีกออกแล้วนำไปล้างน้ำสะอาด ประมาณ 2 -3 รอบ แล้วสามารถนำไปทำเมนูจั๊กจั่นได้ตามความชอบ แต่ที่เมนูชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเบตงชื่นชอบมากที่สุด คือ จั๊กจั่นทอดกรอบหยอดซอสแม็กกี้ โรยพริกไทย ถือเป็นเมนูเด็ดหายาก เนื่องจากจะมีในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ที่เดียวเท่านั้น.