เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พร้อม พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผกก.สน.พญาไท ร่วมแถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดี ส.ต.ต. สังกัด กก.อารักขา บก.อคฝ. ชนแพทย์หญิง ขณะข้ามถนนบริเวณทางม้าลาย บริเวณหน้าสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท เสียชีวิตว่า

อ่วม! ตร.เพิ่มข้อหา ‘ส.ต.ต.’ ซิ่งดูคาติชน ‘หมอกระต่าย’ เบ็ดเสร็จรวม 7 ข้อหาหนัก

โซเชียลแฉพิรุธ!หลักฐานอยู่โรงพักหมด ทำ’หมอกระต่าย’ ต้องเป็นศพนิรนาม2ชม.

จากกรณีที่ในสื่อสังคมออนไลน์เกิดความสงสัย ว่าตำรวจทำงานล่าช้า ปล่อยให้ผู้เสียชีวิตกลายเป็นร่างนิรนามอยู่ 2 ชั่วโมงนั้น ขอชี้แจงว่า การตรวจพิสูจน์หลักฐานและการทำงานนั้นไม่ได้ล่าช้า หลังจากที่พนักงานสอบสวนทราบเหตุก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที โดยตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด หลังจากนั้นได้กลับมาที่ สน.พญาไท เพื่อที่จะติดต่อญาติของผู้บาดเจ็บและได้ประสานกับทางแพทย์ของโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่องแต่ยอมรับว่าหลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนไม่สามารถปลดล็อกโทรศัพท์ของผู้บาดเจ็บได้ จนกระทั่งมีเพื่อนร่วมงานโทรเข้ามาในเบอร์โทรของผู้บาดเจ็บทางตำรวจจึงได้แจ้งเพื่อนว่าเจ้าของมือถือนี้ประสบอุบัติเหตุ และฝากให้แจ้งญาติ เพราะตำรวจไม่สามารถปลดล็อกโทรศัพท์ของผู้บาดเจ็บได้ จากนั้นเพื่อนก็โทรกลับมา บอกว่ายังไม่สามารถติดต่อกับญาติได้เช่นกัน จากนั้นมีอ้างว่าเป็นอาจารย์หมอติดต่อมาที่เบอร์โทรฯ ของผู้บาดเจ็บให้พนักงานสอบสวนส่งหลักฐานยืนยันตัวตน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน

รอง ผบช. กล่าวเพิ่มเติมว่าส่วนกรณีรถจยย. ของส.ต.ต.นรวิชญ์ นั้น จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เป็นรถมือสองที่ซื้อจากเต็นท์รถอย่างถูกต้องในราคา 113,000 บาท มีเอกสารการซื้อขายและใบโอนลอย ยืนยันว่าไม่ใช่รถของกลางอย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือกับสื่อโซเชียล หยุดแชร์ภาพคลิปที่เกิดเหตุและข้อความ รวมทั้งอย่าพยายามทำให้เกิดการเข้าใจผิดทั้งเรื่องของรถและการพิสูจน์หลักฐาน

ด้าน พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผกก.สน.พญาไท กล่าวว่า หลังพนักงานสอบสวนรับแจ้งก็เดินทางไปยังที่เกิดเหตุในเวลา 15.55 น. พบเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัยในการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บก่อนนำส่งรักษาที่รพ.ราชวิถี จากนั้นตำรวจได้รับมอบกระเป๋า และโทรศัพท์มือถือ ไอแพด และกระเป๋าถือแบบถุงผ้าใบใหญ่สีขาว จากพลเมืองดีในที่เกิดเหตุซึ่งแจ้งว่าเป็นของผู้บาดเจ็บเก็บได้จากบริเวณที่เกิดเหตุ จึงเก็บไว้ก่อนนำมาสืบค้นหาข้อมูลของผู้บาดเจ็บ ซึ่งตำรวจไม่สามารถเข้าดูรายชื่อเบอร์ติดต่อญาติของผู้บาดเจ็บจากโทรศัพท์มือถือได้เพราะตำรวจไม่สามารถปลดล็อกโทรศัพท์ได้ แต่พบใบอนุญาตขับขี่ ชื่อ น.ส.วราลัคน์ จึงทำการตรวจสอบจากทะเบียนราษฎร์เพื่อค้นหาข้อมูลญาติก็ไม่พบเบอร์โทรฯ

ต่อมาเวลาประมาณ 16.10 น. ได้มีคนโทรฯเข้ามาที่มือถือของผู้บาดเจ็บ พนักงานสอบสวนรับสาย จึงทราบว่าปลายสายเป็นเพื่อนร่วมงานของผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นแพทย์ประจำอยู่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พนักงานสอบสวนจึงแจ้งเพื่อนของผู้บาดเจ็บว่า น.ส.วราลัคน์ เกิดประสบอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนได้รับบาดเจ็บ และขณะนี้ถูกนำตัวส่งยังโรงพยาบาลราชวิถี และพนักงานสอบสวนไม่สามารถติดต่อญาติผู้บาดเจ็บได้ โดยประสานให้เพื่อนคนดังกล่าว ประสานติดต่อญาติของ ผู้บาดเจ็บ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ต่อมาเวลา 16.30 น. เพื่อนของผู้บาดเจ็บโทรฯติดต่อเข้ามายังโทรศัพท์ของผู้บาดเจ็บ โดยแจ้งกับพนักงานสอบสวนว่ายังไม่สามารถติดต่อกับญาติได้

เวลา 17.20 น. มีชายไม่ทราบชื่อโทรศัพท์เข้ามายังมือถือของผู้บาดเจ็บ แจ้งว่าเป็นอาจารย์ของผู้บาดเจ็บ สอบถามว่าผู้ได้รับบาดเจ็บคือ น.ส.วราลัคน์ จริงหรือไม่ และขอให้พนักงานสอบสวนส่งภาพถ่ายสิ่งของต่างๆ ของผู้บาดเจ็บให้ชายคนดังกล่าวเพื่อยืนยันว่าเป็นของผู้บาดเจ็บ จริงหรือไม่ พนักงานสอบสวนจึงขอเบอร์โทรศัพท์ชายคนดังกล่าวและให้เบอร์โทรศัพท์ของพนักงานสอบสวนกับชายคนดังกล่าวเพื่อประสานงาน จากนั้นพนักงานสอบสวนได้มีการถ่ายภาพทรัพย์สิน และโทรศัพท์มือถือของ น.ส.วราลัคน์ ผู้บาดเจ็บส่งให้ชายคนดังกล่าว จากนั้นชายคนดังกล่าว ได้โทรศัพท์กลับมายังแจ้งกับพนักงานสอบสวน ยืนยันว่าทรัพย์สินตามภาพถ่ายที่พนักงานสอบสวนส่งให้นั้น เป็นของ น.ส.วราลัคน์ ผู้บาดเจ็บจริง

ต่อมา 17.45 น. พนักงานสอบสวนเดินทางไปถึงบริเวณห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลราชวิถี ขณะนั้นพบกลุ่มเพื่อน ซึ่งคาดว่าเป็นเพื่อนของผู้บาดเจ็บเป็นหญิงยืนอยู่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน 3 คน พนักงานสอบจึงเดินเข้าไปสอบถามว่าเป็นญาติของผู้บาดเจ็บหรือไม่ ซึ่งกลุ่มหญิงดังกล่าวได้แจ้งว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของผู้บาดเจ็บ จากนั้นพนักงานสอบสวนได้มีการพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนของผู้บาดเจ็บ โดยในขณะนั้นมีการทราบเบื้องต้นว่าผู้บาดเจ็บ ได้เสียชีวิตลงแล้ว พนักงานสอบสวนจึงเดินทางเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน เพื่อยื่นเอกสารใบชันสูตรบาดแผลเจ้าหน้าที่ และทราบจากเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉินว่าผู้บาดเจ็บ ได้เสียชีวิตลงแล้ว และเมื่อพนักงานสอบสวนเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน ได้พบกับกลุ่มเพื่อน ของผู้เสียชีวิตและได้พบกับชายซึ่งระบุว่าเป็นอาจารย์ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ได้โทรศัพท์เข้ามาหาพนักงานสอบสวนในครั้งแรก พนักงานสอบสวนจึงได้พูดคุยกับชายคนดังกล่าวครู่หนึ่ง และได้มอบใบอนุญาตขับขี่ และโทรศัพท์มือถือ ของน.ส.วราลัคน์ ให้แก่ชายคนดังกล่าว โดยมีการถ่ายภาพบันทึกไว้เป็นพยานหลักฐาน จากนั้นขณะที่พนักงานสอบสวนกำลังเดินทางกลับ สน.พญาไท ก็ได้พบบิดาของผู้ต้องหา จึงได้สอบถามอาการ และประสานให้ญาตินำตัวมาพบพนักงานสอบสวนที่ สน.พญาไท และดำเนินการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งผลตรวจไม่พบปริมาณแอกอฮอล์ ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุไม่เกิน 6 ชม. ตำรวจสามารรถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ด้วยวิธีปกติ และต่อมาเวลา 20.30 น. พนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์อย่างเป็นทางการจากโรงพยาบาลราชวิถี ว่า น.ส.วราลัคน์ ผู้บาดเจ็บได้เสียชีวิตแล้ว.