เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ต.ร่อนทอง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ว่าอยากให้เป็นสื่อกลางเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกสาว เนื่องจากถูกรถชนแล้วเจ้าของรถปฏิเสธการรักษาเยียวยา โดยนางนิภาวรรณ เวโรจน์ อายุ 44 ปี เล่าว่า เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.64 เวลาช่วงเช้า ลูกสาวขี่รถจยย.ไปโรงเรียนสตึก ไม่นานได้รับแจ้งจากว่าลูกสาว ถูกรถชนบริเวณสี่แยกซอยข้างโรงพยาบาลสตึก อ.สตึก ก่อนถูกนำส่งโรงพยาบาล

นางนิภาวรรณ กล่าวต่อว่า ตนจึงรีบไปหาลูก พบว่าไม่ได้สติ โดยหมอแจ้งว่าลูกอาเจียนเป็นเลือด เกรงว่าสมองจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง ต้องส่งไปรักษาต่อที่ รพ.ศูนย์บุรีรัมย์ หลังจากนั้น 2 วันหมอให้กลับมาพักฟื้นที่บ้านเพื่อรอดูอาการ มาจนถึงวันนี้ลูกสาวยังปวดหัวไม่หาย จึงไม่กล้าให้ลูกไปโรงเรียน

“หลังจากเกิดเหตุ ได้ไปเจรจากับเจ้าของรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ และเป็นคนขับไปชนลูกสาว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ เนื่องจากเจ้าของรถบอก ขอจ่ายเงินเยียวยาทั้งหมด ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ และค่าทำขวัญ รวมเป็นเงิน 3,000 บาท ตนจึงขอร้องให้คนขับรถเห็นใจ เพราะจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองไปแล้ว 10,800 บาท ทั้งรถพังเสียหาย และคนยังอาการไม่ปกติ แต่เจ้าของรถยืนยันจะจ่าย 3,000 บาทเท่านั้น อ้างว่าเพียงพอแล้ว” นางนิภาวรรณ กล่าว

นางนิภาวรรณ กล่าวต่ออีกว่า ตนจึงขอความช่วยเหลือจากพนักงานสอบสวน โดยเจ้าของคดี กลับตอบว่า ให้ไปจ้างทนายเก่งๆ แบบชั้น 1 ไม่ต้องเอาทนายกิ๊กก๊อกในพื้นที่มา เดี๋ยวจะแพ้ ตอนนี้ตนกับสามีไม่มีทางออก เพราะไม่มีใครช่วยเหลือได้ จึงขอร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ เผื่อจะมีผู้รู้ผู้ใจบุญมาให้คำชี้แนะ

ผู้สื่อข่าวจึงได้โทรศัพท์ไปสอบถามนายพิสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี คนขับรถฟอร์จูนเนอร์คันดังกล่าว โดยชี้แจงว่า ตนไม่สามารถชดใช้ตามคำเรียกร้องของผู้เสียหายได้ เพราะกฎหมายไม่เอื้อเด็กอายุ 13 ปี ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถจยย. และไม่ได้ต่อ พ.ร.บ.ภาคบังคับ ส่วนรถตนเองมีทั้ง พ.ร.บ.ภาคบังคับ มีใบอนุญาตขับขี่ มีประกันแบบชั้น 1 และพร้อมจะจ่ายให้ แต่ตนไม่ผิด เพราะลักษณะการชน เป็นการชนอยู่กลางสี่แยก ต่างคนต่างผิดคือเป็นการประมาทร่วม

“เมื่อเป็นการประมาทร่วม พนักงานสอบสวน ระบุชัดต่างคนต่างซ่อมรถ อีกฝ่ายต้องรักษาเอง ส่วนเด็กที่ได้รับบาดเจ็บถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเด็กไปล้มใส่พื้นปูนเอง ส่วนผมไม่เป็นไร เพราะเหล็กหุ้มหนังผม ถ้าจะให้ผมจ่ายตามคำเรียกร้องของคู่กรณี คือค่ารักษา 10,800 บาท ค่าซ่อมรถอีกประมาณ 5,000 บาท และค่าทำขวัญอีก ก็จะตกราว 20,000 บาท ถ้าตกลงกันแบบนี้ เขาต้องมาซ่อมรถให้ผมที่ได้รับความเสียหายเช่นกัน” นายพิสิทธิ์

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ระหว่างที่โทรศัพท์สัมภาษณ์นายพิสิทธิ์ ได้ติงมาว่า จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย น่าจะไปหาทำข่าวที่มันสร้างสรรค์กว่านี้ ไม่ได้สอน แต่แค่แนะนำ.