จากรณีแก๊งเงินกู้ควงปืนบุกยิงขู่บ้านลูกหนี้ หลังจากทะเลาะวิวาทกับลูกชายวัย 16 ปี ของลูกหนี้ โดยไม่สนเสียงขอร้องและอ้อนวอนของเพื่อนบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ เหตุเกิดวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ในพื้นที่ บ.หนองบุ ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี ต่อมาตำรวจสามารถติดตามจับกุมแก๊งเงินกู้ได้ทั้งหมด 6 คน พร้อมของกลางอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พร้อมด้วยตำรวจสืบสวน ภ.4 ตำรวจสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี และตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมกันสอบปากคำแแก๊งเงินกู้ดังกล่าว ประกอบด้วย นายชาญชัย หรือชาญ เววิชัยโก อายุ 23 ปี นายธนาวุฒิ หรือจ๊อบ สุขมานพ อายุ 23 ปี นายบรรพต หรือบิ๊ก แสนโคตร อายุ 22 ปี นายธนพล หรือทัช บุราโส อายุ 23 ปี นายวสันต์ หรือโอ เมฆประทีป อายุ 24 ปี และนายวรพล (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ชาว อ.เมือง จ.พิจิตร พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น แบบออโตเมติก ลำกล้องขนาด 9 มม. แม็กกาซีน 1 อัน กระสุน 5 นัด กล่องใส่อาวุธปืน 1 กล่อง มีดพกสั้น 1 เล่ม มีดดาบยาว 1 เล่ม ไม้คมแฝก 1 ท่อน รถจยย. 3 คัน และรถเก๋งสีขาว 1 คัน ที่ใช้ก่อเหตุ
เบื้องต้นถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่า ”ซ่องโจร, ร่วมกันประกอบธุรกิจการให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายในทางการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายที่กำหนด, ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของผู้ถูกขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย, ร่วมกันบุกรุกโดยมีอาวุธ, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นโดยมีอาวุธ, ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็น, ร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร” รวมทั้งสิ้น 7 ข้อหา
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร. ได้เห็นคลิปที่เกิดขึ้นแล้ว จึงได้สั่งการให้ตนลงมาช่วยเหลือและแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ในคดีนี้เราสามารถยึดบัญชีของลูกหนี้ได้ทั้งหมด 22 ราย วงเงินที่ให้กู้ประมาณแสนกว่าบาท เป็นการเก็บเงินกู้รายวันที่เรียกว่าดอกเบี้ยลอย ร้อยละ 60 ต่อเดือน ซึ่งโหดมาก เมื่อ 2 ปีก่อนก็ได้ลงพื้นที่อีสานเข้าจับกุมนายทุนเงินกู้มาแล้ว พบว่ายังมีพี่น้องประชาชนเดือดร้อนจากแก๊งเงินกู้อีกเป็นจำนวนมาก การปล่อยเงินกู้ให้ปล่อยตามที่กฎหมายกำหนด ก็คือร้อยละ 15 ต่อปี
“ฝากเตือนอีกครั้งว่า การเอารัดเอาเปรียบพี่น้องประชาชนจนไม่มีที่ยืน ไม่มีบ้านและสวนไร่นาอยู่ ขอให้เลิกพฤติกรรมแบบนี้ ส่วนการทวงหนี้โดยใช้กำลัง ให้รู้ไว้ว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแป วันนี้เราเชื่อว่าน่าจะมีนายทุนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง จากนี้เราจะขยายผลดำเนินคดีกับนายทุนด้วย ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็น่าจะได้ทราบกัน ส่วนเรื่องนามบัตรนายทุนเงินกู้ที่แจกตามหน้าบ้านเรือนประชาชน หรือใบปลิวที่ติดตามสถานที่ต่างๆ เรื่องนี้ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศตรวจสอบที่มาของนามบัตรเหล่านี้ ให้สแกนทุกพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่ภาคอีสาน ถ้าท่านที่มีพฤติกรรมแบบนี้แล้วยังไม่เลิก ผมเองในฐานรองผู้บัญชาการปราบปรามหนี้นอกระบบ จะเข้าดำเนินการปราบปราม และดำเนินคดีบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด” ผช.ผบ.ตร. กล่าว
ด้านผู้เสียหาย กล่าวว่า รู้สึกโล่งใจมีความปลอดภัยมากขึ้น หลังทราบข่าวว่าตำรวจจับตัวแก๊งเงินกู้ได้ทั้งหมด ก็ทำให้นอนหลับสบาย เพราะนอนไม่หลับมา 2 คืนแล้ว จากนี้ต่อไปคงจะไม่ขอกู้เงินอีกแล้ว เพราะเข็ดหลาบ ส่วนหนี้ที่ยังใช้ไม่หมด ต้องรอให้เรื่องจบก่อน แล้วค่อยคุยกับคู่กรณีอีกที และขอบคุณตำรวจที่จับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็วและให้ความเป็นธรรมในเรื่องคดีความเป็นอย่างดี
ขณะที่หลานสาวผู้ที่ถ่ายคลิป เล่าว่า ตนได้อัดคลิปไว้ตลอดเวลา ขณะที่แก๊งเงินกู้บุกเข้ามาในบ้าน ตนก็กลัวเค้าจะยิงไปทั่วหมู่บ้าน เพราะกลัวจะไปโดนเด็กและคนแก่ จึงอัดคลิปไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งตนก็กลัวว่าจะไปทำร้ายน้องคู่กรณีที่มีเรื่องชกต่อยกัน พร้อมกับเข้าไปห้าม 2-3 ครั้ง แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง ซ้ำยังถามหาคนนั้นคนนี้อยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เลยตั้งแต่อยู่ที่นี่มา 10 ปี และเคยเห็นแก๊งเงินกู้กลุ่มนี้มาเก็บเงินตามหมู่บ้านบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยครั้ง
ส่วนชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์อีกราย เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนกำลังพาลูกสาววัย 2 เดือน ใส่รถเข็นอยู่หน้าบ้าน จากนั้นมีแก๊งเงินกู้ขี่รถจยย. และรถเก๋งเข้ามาจอด คนในรถเก๋งนำเอาปืนออกมายิง ตนเห็นท่าไม่ดีจึงอุ้มลูกวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน ส่วนแก๊งเงินกู้ยังเดินตามมาในบ้าน แล้วถามหาคู่กรณีที่มีเรื่องกันก่อนหน้านี้ ก่อนยกปืนขึ้นมาหันเข้ามาหาตน ด้วยความกลัวเลยเอาลูกสาวเข้าไปซุกไว้ในตู้เสื้อผ้า เพราะกลัวจะได้รับอันตราย เนื่องจากแก๊งเงินกู้ท่าทางจะโมโหจนเหมือนคนเสียสติ พร้อมกับยิงปืนไปทั่ว.
