สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ว่ากระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศสรายงานสถิติผู้ป่วยสะสมจากโรคโควิด-19 อย่างน้อย 5,890,062 คน เพิ่มขึ้น 18,181 คน หายป่วยเพิ่มขึ้น 2,431 คน และเสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 111,525 ราย เพิ่มขึ้น 33 ราย
ทั้งนี้ อัตราการพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในฝรั่งเศสในรอบ 7 วันล่าสุด เพิ่มขึ้นมากถึง 150% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในรอบสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งยืนยันผู้ป่วยในแต่ละวันไม่ถึง 7,000 คน ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเชื้อกลายพันธุ์ "เดลตา"
ขณะที่นับตั้งแต่วันพุธที่ 21 ก.ค. เป็นต้นไป ประชาชนในฝรั่งเศสต้องแสดงเอกสารที่เรียกกันว่า "บัตรรับรองสุขภาพ" หรือ "บัตรผ่านโควิด-19" ก่อนเข้าสู่พื้นที่ให้บริการของสถานที่สาธารณะ ซึ่งรองรับบุคคลตั้งแต่ 50 คน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ ตลอดจนระบบขนส่งสาธารณะ 
เอกสารดังกล่าวจะแสดงข้อมูลสำคัญว่า บุคคลนั้นรับการฉีดวัคซีนครบแล้ว มีผลตรวจยืนยันเป็นลบภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือเพิ่งหายป่วยจากโรคโควิด-19 สถานประกอบการแห่งใดที่ไม่ตรวจสอบว่าผู้ที่เข้ามาใช้บริการมีข้อมูลครบหรือไม่ ต้องชำระค่าปรับสูงสุดไม่เกินครั้งละ 1,500 ยูโร ( ราว 58,033.67 บาท ) แต่จะเพิ่มขึ้นอีกหากกระทำผิดซ้ำ
อย่างไรก็ตาม นายกาเบรียล อัตตาล โฆษกคณะรัฐมนตรีฝรั่งเศส กล่าวว่า การปรับเงินจะยังไม่มีผลบังคับใช้ทันที แต่ไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่าแล้วจะเริ่มใช้เมื่อไหร่ โดยให้ความเห็นเพียงว่า "อาจนานกว่า 1 สัปดาห์แต่ไม่น่าถึง 1 เดือน" ในการให้ประชาชนปรับตัวจนคุ้นเคยกับมาตรการใหม่ 

แต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประท้วงอย่างหนักหน่วง ประชาชนจำนวนไม่น้อยประณามประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง "เป็นเผด็จการสาธารณสุข" ด้วยการ "แทรกแซงสิทธิและเสรีภาพด้านสุขภาพของพลเมือง" เนื่องจากผู้นำฝรั่งเศสต้องการให้บุคลากรการแพทย์ทุกคน เข้ารับการฉีดวัคซีนให้ครบภายในวันที่ 15 ก.ย.นี้.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES