จากกรณี น.ส.อนงค์นุช นามวงษา ภรรยา นายยมนิล นามวงษา หรือหนุ่มโจ ผู้ก่อตั้งวงดนตรีหมอลำคณะสาวน้อยเพชรบ้านแพง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.จตุรงค์ ดรอ่อนเบ้า สว.(สอบสวน) สภ.โกสุมพิสัย ภายหลังจากถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงิน รวมเป็นเงิน 2,088,001 บาท เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา กระทั่งมีการออกหมายจับศาลเลขที่ จ.26/2565 ลงวันที่ 17 ก.พ. 65 เพื่อเอาผิดบัญชีผู้รับโอนเงิน นั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 ได้นำตัว น.ส.ศุภาวรรณ หงษา อายุ 24 ปี มามอบให้พนักงานสอบสวน สภ.โกสุมพิสัย เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” โดยจับกุมได้ที่ลานจอดรถหอพักบ้านยายแป้น ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม.

สืบเนื่องเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม รับแจ้งจากนางสาวอนงค์นุช นามวงษา ว่า ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงิน โดยอ้างว่ามีพัสดุของบริษัทขนส่ง DHL ตกค้างที่สาขาเชียงใหม่ และพบว่าภายในมีพาสปอร์ตและหนังสือเดินทางซุกซ่อนอยู่ในเสื้อผ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ซึ่งผู้เสียหายได้ปฏิเสธ แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่าต้องโอนเงินให้ตรวจสอบ ด้วยความบริสุทธิใจ ทางผู้เสียหายจึงได้โอนเงินไปจำนวน 3 บัญชี รวม 6 ครั้ง เป็นเงินทั้งสิ้น 2,088,001 บาท โดยบัญชีคนร้ายประกอบไปด้วย ธนาคารทหารไทยธนชาติชื่อบัญชี น.ส.ศุภาวรรณ หงษา ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชีนายณัฐพนธ์ พุดสาดแสง และธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.พรรัตน์ วงละคร ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานไปขอหมายจับ โดยศาลได้ออกหมายจับตามหมายจับเลขที่ จ.26/2565 ลงวันที่ 17 ก.พ. 65 และจับกุม น.ส.ศุภาวรรณ หงษา มาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนที่เหลืออีก 2 คน อยู่ในขั้นตอนของการติดตามจับกุม

ภายหลังจากจับกุม น.ส.ศุภาวรรณ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยรับว่าเป็นคนถูกรับจ้างให้เปิดบัญชีเท่านั้น โดยได้ค่าจ้างเป็นเงิน 500 บาท ส่วนยอดเงินที่ถูกโอนเข้าไปในบัญชี ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้มีการถ่ายโอนไปยังบัญชีอื่นหมดแล้ว ส่วนผู้ว่าจ้างคือ น.ส.ฉัตรวรุณ ได้มาว่าจ้างเปิดบัญชีที่โลตัส สาขาวังหิน โดยได้รับเงิน 1,000 บาท จ่ายค่าเปิดบัญชี 300 บาท ค่าบัตรเอทีเอ็ม 300 บาท ค่าสมุดธนาคาร 100 บาท ทำให้เหลือเงิน 300 บาท น.ส.ฉัตรวรุณ ให้เพิ่มอีก 200 บาท รวมเป็นเงิน 500 บาท โดยไม่คิดว่า น.ส.ฉัตรวรุณ จะนำไปฉ้อโกงผู้อื่น

น.ส.อนงค์นุช เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหามาได้ ถึงแม้จะได้เพียง 1 ราย ก็ตาม และเป็นเพียงผู้รับจ้างเปิดบัญชีเท่านั้น แต่อาจจะซัดทอดไปถึงต้นตอสำคัญ หรือผู้อยู่เบื้องหลัง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตนไปจับกุมผู้ต้องหาที่ กทม. โดยพยายามพูดคุยกับผู้ต้องหาให้ดีที่สุด จะได้ใจอ่อนสาวถึงตัวผู้บงการให้เร็วที่สุด โดย น.ส.ศุภาวรรณ รับเพียงแค่ว่าเป็นผู้รับจ้างเปิดบัญชีเท่านั้น โดยได้ค่าเปิดบัญชี 500 บาท และพึ่งเปิดบัญชีไปเมื่อช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่ทราบจำนวนเงินในบัญชี เพราะว่าได้ขายบัญชี และบัตรเอทีเอ็มให้กับผู้ว่าจ้างไปแล้ว

“ตอนนี้ทำได้แค่ทำใจ และปลอบใจกันเองเท่านั้น ใจจริงก็อยากได้เงินคืน อยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ 2-3 วันที่ผ่านมา นอนไม่หลับรู้สึกเครียด เพราะสูญเงินไป 2 ล้านบาท พอรู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้แล้ว ก็รู้สึกผ่อนคลาย และอยากให้เจ้าหน้าที่กวาดล้างจับกุมขบวนการใหญ่ให้ได้” ภรรยาเจ้าของวงหมอลำ กล่าว