เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่าได้ลงนามในประกาศปรับการดูแลโรคโควิด-19 จากโรคฉุกเฉิน (UCEP) มาเป็นโรคที่ให้การรักษาฟรีตามสิทธิ โดยลงนามเมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป ย้ำว่าเป็นการรักษาฟรี โดยกรณีที่เป็นผู้ป่วยไม่มีอาการ หรืออาการน้อยให้รักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation : HI) หากไม่สะดวกที่จะดูแลตัวเองที่บ้าน ก็เข้าสู่ระบบการดูแลในชุมชน (Community Isolation : CI) ส่วนผู้มีอาการเข้าข่ายสีเหลือง สีแดงนั้น ก็เข้าสู่การรักษาฟรีใน รพ. ทั้งนี้ตนได้สั่งการไปยังเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อให้มีการเพิ่มคู่สาย 1330 แล้ว นอกจากนี้ ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้เข้ามาหารือเพื่อขอให้กระทรวงจัดหายาฟ้าทะลายโจรเพิ่มเติมประมาณ 10 ล้านเม็ด เพื่อใช้สำหรับดูแลผู้ติดเชื้อโควิดที่ไม่มีอาการ เพราะหากให้ใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ จะเป็นการให้ยาที่เกินขนาดไป โดยยาฟ้าทะลายโจรจะบรรจุอยู่ในชุดดูแลผู้ป่วย HI ทั้งนี้เป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์

“กรณีที่ผู้ป่วยรักษาตัวที่บ้านนั้น หากไม่สะดวกที่จะอยู่บ้าน เพราะอาจมีสมาชิกร่วมบ้านอยู่นั้น ก็สามารถเข้ามารับการดูแลที่ศูนย์ชุมชนได้ ขอให้ประสานมา อย่าง กทม. ทาง กทม. ยืนยันว่ามีการเปิดศูนย์ชุมชนเอาไว้รองรับแล้ว” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับตัวเลขผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นนั้น ตนได้สอบถามปลัด สธ. ทุกวัน ขณะนี้ระบบยังสามารถรับรองได้ ส่วนจะประกาศยกระดับเตือนภัยเป็นระดับ 5 หรือไม่นั้น อยู่ที่ปลัด สธ. แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ยกระดับเป็นระดับ 5 แต่อย่างใด ส่วนมาตรการควบคุมโรคต่าง ๆ ในระดับพื้นที่ เป็นอำนาจของพื้นที่ ขณะนี้เรื่องการปรับลดการตรวจหาเชื้อด้วย PCR ในกลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศผ่านระบบ Test & Go เหลือเพียง 1 ครั้งนั้น อยู่ระหว่างการหารือ รวมถึงหารือเรื่องการจะทำระบบประกันสุขภาพให้มีความครอบคลุมได้อย่างไร

เมื่อถามย้ำว่า ปรับระบบการรักษาโรคโควิด-19 ฟรีตามสิทธิ ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 มี.ค. 2565 เป็นต้นไปนั้น ในระยะแรกหากมีประชาชนหลงสิทธิไปรักษาใน รพ.ที่ไม่ได้อยู่ในสิทธิ จะรองรับอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เราประชาสัมพันธ์เรื่องนี้มาสักระยะแล้ว ก็จะประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การรักษาใน รพ. คือคนที่มีอาการเหลือง แดง ซึ่งถือเป็นอาการฉุกเฉิน แต่หากไม่ฉุกเฉินแล้วเลือก หรือประสงค์จะไปที่ รพ.เอกชน กรณีอย่างนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง.