ยังคงเป็นข่าวเศร้าของคนในวงการบันเทิง หลังล่าสุด นักแสดง นักร้อง และศิลปินแห่งชาติคนดัง ต้อย เศรษฐา ศิระฉายา อายุ 77 ปี ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งปอด ท่ามกลางความเสียใจและอาลัยของแฟน ๆ ทุกคน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ที่วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ศาลา 1 วันนี้ 21 ก.พ. ได้มีการจัดพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และสวดพระอภิธรรมศพของต้อยวันแรก ซึ่งในงาน ลูกสาวของต้อยอย่างสาว อีฟ พุทธธิดา ได้ออกมาอัพเดทความรู้สึกหลังสูญเสียคุณพ่อไปอย่างไม่มีวันกลับ

อีฟ เผยว่า “ความรู้สึกก็คือมันมีช่วงเวลาหลายช่วงเวลา คือทุกคนมันมีจุดที่เราจะต้องลากัน เราก็คิดว่าเราโอเคแล้ว เราพร้อมแล้ว แต่เขาคงเหนื่อยมากจริง ๆ เพราะเขาดูสงบและมีความสุขที่ได้หลับพักสักที เรื่องคุณพ่อทานได้น้อย ท่านทานได้น้อยมาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่แล้วก่อนปีใหม่อีก เขาดีขึ้นเป็นพัก ๆ พอสดชื่นก็ทานได้ขึ้นหน่อย และเริ่มทานไม่ได้อีก ช่วงล่าสุดที่ไม่ทานไม่นานมาก คำว่าทานได้คือ 8-9 ช้อน ทานไม่ได้คือ ทานแค่ช้อนสองช้อน หรือทานได้เล็ก ๆ พ่อไม่อยากใส่สายในการให้ ท่านไม่ชอบ พยาบาลดูแล เขาก็บอกว่าทำไมเราไม่บังคับล่ะ ครอบครัวเราอยากให้ สุดท้ายยังไงก็ตาม เราอยากให้พ่อมีความสุขที่สุด เลือกในทางที่พ่อสบายใจ”

“เพราะทุกสุดท้ายแล้ว อีฟคิดว่าเราก็ยังทำให้พ่อได้มีความสุขมากที่สุด ก็คือฝืนใจเขาไม่เยอะมาก ก็มีบ้างที่ต้องฝืนใจ เรื่องกินยา แต่วันนี้เราก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่ารู้งี้เราไม่น่าบังคับพ่อเลย รู้งี้ไม่อย่างนั้นอย่างนี้ กำลังใจในการรักษาตลอดมา ท่านก็ขึ้น ๆ ลง ๆ บางทีท่านก็เหนื่อยมากจริง ๆ บางคนจะเข้าใจว่าพ่อเป็นไม่นาน แต่ท่านเป็นมา 3 ปีกว่าแล้ว มีหนักบ้างเบาบ้าง แต่เกณฑ์ดีมาตลอด แต่ช่วงหลังมารักษาเพิ่มเติมเลยมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก ท่านไม่ได้มีอาการอะไรเพิ่มเติม พ่อไปหาหมอคือไปโรงพยาบาลตรงวันนัด พอตรงวันหมอนัด จะได้ให้วิตามินเพิ่มเติมจะได้สดชื่นขึ้นหน่อย คิดว่าไป 1-2 วันก็คงกลับบ้าน แต่พอไปจริง ๆ เขาก็มีเรื่องของเสมหะที่เหนียวข้นมาก จนทำให้เขาหายใจไม่ออก ดูดเสมหะ พ่อก็ค่อนข้างนอนราบไม่สบาย คงเป็นเรื่องที่เขาอึดอัดหายใจไม่ออก เลยดูดเสมหะ”

อีฟ เล่าต่อว่า “การดูดคงเจ็บและเหนื่อย ความดันตก หมอพยายามใช้สารกระตุ้น ก็ไม่น่าจะตกขนาดที่เขาจะไป แต่ก็คิดว่า คงเป็นเพราะว่าความเบาะบางของเขาในภาวะที่เป็นอยู่มันมาก ซึ่งก่อนพ่อจะไป คนดูแลพ่อบอกว่าก่อนเขาจะไปพ่อเห็นแสงสีขาว อันนี้ก็ไม่รู้ว่ายังไง เราก็เชื่อว่าแสงนั้นแหละจะเป็นแสงที่นำพาเขาไปในที่ที่ดี แม่เราเขาเข้าใจได้ดีกว่าใคร ๆ และทุกคนทำดีที่สุดแล้ว และมันเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่คิดว่ามันจะเกิด คืออาการแทรกซ้อนต่าง ๆ มันค่อนข้างรวดเร็ว สิ่งที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกเลยคือเราจะไม่ให้พ่อทรมาน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทรมาน”

“ตอนนี้อีฟไม่ได้คิดว่าพ่อไหน (เสียงสั่น) พ่อยังรับแขก เมื่อวานบอกพ่อกลับบ้านเขาก็กลับ เขาอยู่ในที่ที่มีสุข และเขารู้ว่าทุกคนรักเขาแค่ไหน ทุกอย่างที่ทุกคนส่งให้ อีฟเชื่อว่าพ่อได้รับ ทุกคำอาลัยและอื่น ๆ อีฟเชื่อว่าพ่อได้รับแล้วล่ะ รวมถึงผู้ที่ตั้งใจมาทำบุญกับพ่อ อันนี้เป็นความตั้งใจของครอบครัวด้วย เราได้รับพระเมตตา เราก็อยากจะช่วยท่านสานต่อพระปณิธาน ทุกบาททุกสตางค์ที่ทุกคนร่วมทำบุญไปสมทบทุนกับมูลนิธิภัทรราชานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ค่ะ ส่วนเรื่อง ข้อความความห่วงใยและอาลัยต่าง ๆ ที่ส่งมาให้อีฟ อีฟได้รับทุกอย่างและเชื่อว่าพ่อก็ได้รับเช่นกัน เพราะพ่อเป็นคนให้มาตลอด และคนที่มาช่วยงานและทุกคนที่ส่งใจมาก็คือสิ่งที่ควรได้รับแล้ว”