จากกรณีคนร้ายขับรถกระบะบุกโรงเรียนแห่งนึ่งใน อ.หลังสวน จ.ชุมพร หมายจะข่มขืนครูสาวที่กำลังตั้งครรภ์ 5 เดือน แต่ครูสาวไหวพริบดีรีบส่งไลน์หาเพื่อนครู เข้าช่วยเหลือได้ทันหวุดหวิด ส่วนคนร้ายสามารถหลบหนีไปได้ ต่อมาพ่อครูสาวได้วอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งตามจับกุมตัว ขณะที่ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เล่านาทีประจันหน้าไล่จับคนร้าย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ก.พ. รักษาการ ผอ.โรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตนเองได้รับแจ้งจากครูที่โรงเรียนว่า ได้มีเหตุชายแปลกหน้าเข้ามาขอเข้าห้องน้ำและพยายามที่จะข่มขืนครูในโรงเรียน จึงได้รีบเดินทางมาที่โรงเรียนทันที เมื่อเข้ามาถึงก็ได้รับทราบข้อมูลเหตุการณ์ทั้งหมด จึงได้พาครูโบว์ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ไปแจ้งความที่โรงพัก จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อจากนี้จะเพิ่มมาตรการเรื่องความปลอดภัยโดยการติดตั้งกล้องวงจรปิด และในส่วนของครูที่อยู่โรงเรียนนั้น ในทุกๆ วัน ครูก็จะต้องอยู่ที่โรงเรียนทุกคนอยู่แล้ว ไม่ได้ปล่อยให้ครูต้องอยู่เพียงลำพัง เพียงแต่ในช่วงที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่ครูออกไปทานข้าวหน้าโรงเรียน คนร้ายจึงได้อาศัยช่วงที่เห็นว่าไม่มีครูท่านอื่นอยู่เข้ามาก่อเหตุ

พ.ต.ท.สุชาติ สิงหา รอง ผกก.สภ.ปากน้ำหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่รุดไปตรวจสอบ และได้สอบถามคุณครูผู้เสียหาย พร้อมทั้งได้รับคลิปที่คนร้ายก่อเหตุพยายามขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน ผค 5220 สุราษฎร์ธานี หลบหนี จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุก สภ.ใน จ.ชุมพร และประสาน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งตามทะเบียนรถ แต่ก็ยังไม่สามารถติดตามสกัดได้จับได้

ตร.เร่งล่าเดนนรกหื่น บุกโรงเรียนหวังขยี้กาม ‘ครูสาว’ ท้อง 5 เดือน

พ่อ ‘ครูโบว์’ วอนลากคอเดนนรกหื่น ‘ผช.ผญบ.’ เล่านาทีประจันหน้าคนร้าย

พ.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่อว่า ต่อมาได้รับแจ้งจากชุดสืบของ สภ.หลังสวน ว่าได้พบคันดังกล่าวจอดทิ้งไว้ในสวนปาล์ม พื้นที่หมู่ 15 ต.นาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ซึ่งห่างจากที่ก่อเหตุกว่า 20 กม. จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ ซึ่งก็พบรถคันดังกล่าว ป้ายทะเบียนหน้าและหลังถูกถอดออกไป ส่วนภายในรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย พบเพียงบัตร ปชช. ระบุชื่อคือ นายสิทธิพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ชาว อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งตรงกับรายชื่อเช่าซื้อรถยนต์กับบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้รีบเดินทางไปยังบ้านตามบัตรประชาชนนายสิทธิพงษ์

พ.ต.ท.สุชาติ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อไปถึงก็พบว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่มีแล้ว ถูกรื้อทิ้งไปนานหลายปี จึงได้สอบถามญาติที่อยู่บ้านข้างเคียงจนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ มีอาชีพทำประมงพื้นบ้านใน อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และเพิ่งเข้ามาในพื้นที่ จ.ชุมพร เมื่อต้นเดือน ม.ค. 65 ที่ผ่านมา โดยมารับจ้างทำประมงอยู่ใน ต.ปากน้ำตะโก อ.ทุ่งตะโก ซึ่งต่อเขตกับ ต.ปากน้ำหลังสวน อ.หลังสวน โดยนายสิทธิพงษ์ ยังมีภรรยาและมีบุตรด้วย อาศัยอยู่ด้วยกันที่ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่จึงได้รีบติดตามไปยังปากน้ำตะโก เพื่อติดตามตัวมาสอบสวน ซึ่งก็ทราบว่า นายสิทธิพงษ์ ได้มารับจ้างอยู่กับเจ้าของแพ ทำประมง แต่ไม่พบตัวนายสิทธิพงษ์ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จึงได้จัดกำลังวางสายคอยเฝ้าติดตาม โดยเชื่อว่า นายสิทธิพงษ์ ยังคงอยู่ในพื้นที่ เพราะดูจากเหตุการณ์แล้วไม่ชินเส้นทาง และรู้จักคนในพื้นที่ไม่มาก ส่วนการเหตุการณ์นั้นจะเกี่ยวโยงกับยาเสพติดตามที่ได้ข้อมูลจากหลายๆ พยานแวดล้อมหรือไม่ ก็ต้องรอหลังจากสามารถควบคุมนายสิทธิพงษ์ ได้ก่อน