เมื่อปีที่แล้ว ‘เบธานี เค ฟาร์เบอร์’ สาวแคลิฟอร์เนียต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำทั้งที่ไม่ได้ทำเรื่องผิดกฎหมาย แต่ตำรวจลอสแอนเจลิสจับกุมเธอด้วยความเข้าใจผิด เนื่องจากเธอมีชื่อเหมือนกับ ‘เบธานี ฟาร์เบอร์’ ผู้ต้องสงสัยหญิงในหมายจับ

เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 ฟาร์เบอร์เดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส โดยเธอวางแผนที่จะบินไปยังเม็กซิโกเพื่อเยี่ยมญาติ ในขณะที่กำลังรอขึ้นเครื่องนั้นเอง ก็มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยรักษาความปลอดภัยในสนามบินห้ามเธอไม่ให้ขึ้นเครื่องและแจ้งว่ามีหมายจับเธออยู่ในรัฐเท็กซัส ซึ่งทำให้ฟาร์เบอร์รู้สึกตกใจอย่างมาก

ฟาร์เบอร์ซึ่งทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลความงามในแคลิฟอร์เนียถูกนำตัวไปยังห้องรับรองส่วนบุคคล หลังจากนั้นเธอก็โดนสวมกุญแจมือและปล่อยเธอทิ้งไว้เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมงโดยไม่ให้เธอรับประทานน้ำหรืออาหาร เมื่อเธอสอบถามถึงเหตุผล เจ้าหน้าที่กลับปรับกุญแจมือที่เธอสวมอยู่ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

ระหว่างการสอบปากคำ ฟาร์เบอร์บอกเจ้าหน้าที่ว่าเธอไม่เคยไปเทกซัสและอาจมีการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของเธอไปใช้ แต่เมื่อตำรวจมาถึง ก็ทำการจับกุมเธอโดยไม่ได้ตรวจสอบใบขับขี่ของเธอหรือยืนยันตัวตนของเธอด้วยวิธีอื่น 

ฟาร์เบอร์โดนจับกุมและพาตัวไปถ่ายภาพเพื่อทำประวัติอาชญากรรมและพิมพ์ลายนิ้วมือ หญิงสาวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของทางตำรวจไม่เคยถามถึงใบขับขี่ วันเดือนปีเกิด หมายเลขประกันสังคมหรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ของเธอซึ่งน่าจะช่วยยืนยันตัวตนของเธอได้

ฟาร์เบอร์โดนขังอยู่ในทัณฑสถานหญิงลินวูดเป็นเวลา 13 วัน ในเอกสารคำร้องยื่นฟ้องของเธอกล่าวหากรมตำรวจแอลเอว่ายืดเวลาการขังตัวเธอออกไปอีก 3 วันหลังจากที่ศาลในเทกซัสแจ้งมาแล้วว่าทางตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยผิดคน

เบธานี ฟาร์เบอร์ที่เป็นผู้ต้องสงสัยตัวจริง (ซ้าย) และเบธานี เค ฟาร์เบอร์ (ขวา) ผู้เชี่ยวชาญการดูแลความงามที่มีชื่อเหมือนกันและโดนตำรวจจับกุมเพราะความเข้าใจผิด

ฟาร์เบอร์กล่าวในงานแถลงข่าวเมื่อวันอังคารว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอเป็นประสบการณ์ที่เลวร้าย และไม่ควรมีใครต้องเจอเรื่องแบบนี้ เธอจึงตัดสินใจยื่นฟ้องกรมตำรวจลอสแอนเจลิส หน่วยตำรวจสนามบินลอสแอนเจลิสและเขตการปกครองลอสแอนเจลิส รวมทั้งบุคคลอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมากในข้อหาละเมิดสิทธิพลเมือง จับกุมและคุมขังบุคคลผิดคน เจตนาก่อให้เกิดอาการหดหู่ซึมเศร้าและกระทำการโดยประมาท โดยเรียกร้องค่าชดเชยเป็นตัวเงิน

ทนายความของฟาร์เบอร์กล่าวว่าคดีนี้เป็นคดีของความประมาทเลินเล่ออย่างที่สุดและยังเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของฟาร์เบอร์อีกด้วย นอกจากนี้เขายังระบุว่าขณะที่ฟาร์เบอร์อยู่ในเรือนจำ เธอต้องประสบความยากลำบากต่าง ๆ ถูกละเมิดความเป็นส่วนตัวและทำให้อับอาย รวมทั้งประสบความทุกข์ใจ ทำให้ลูกความของเขาเกิดความเครียดและวิตกกังวลอย่างหนักจนกลายเป็นปัญหาทางสุขภาพจิต 

นอกจากนี้ ในระหว่างที่ฟาร์เบอร์ยังอยู่ในเรือนจำ คุณยายของเธอก็ล้มป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมองเนื่องจากความเครียดเพราะทราบข่าวที่หลานสาวต้องติดคุก และเสียชีวิตหลังจากที่เธอได้ออกจากเรือนจำเพียงไม่กี่วัน

ฟาร์เบอร์และคุณยายของเธอ

ทนายของฟาร์เบอร์ผู้โชคร้ายกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจละเลย ไม่ปฏิบัติตามระเบียบพื้นฐานเพื่อยืนยันตัวตนของผู้ต้องสงสัย ทั้งที่ฟาร์เบอร์ที่เป็นผู้ต้องสงสัยตัวจริงนั้นเคยมีประวัติอาชญากรรมอยู่แล้ว รวมทั้งรอยนิ้วมือของเธอก็มีอยู่ในฐานข้อมูลของกรมตำรวจ

ส่วนทางกรมตำรวจลอสแอนเจลิสปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น โดยอ้างว่าทางสำนักงานไม่สามารถออกความเห็นเกี่ยวกับคดีทางกฎหมายที่กำลังอยู่ในระหว่างการฟ้องร้อง

แหล่งข่าวและเครดิตภาพ : CBSNews