นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุข ประกาศให้ผ้าอนามัยแบบสอดเป็นเครื่องสำอางว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษี แต่เพื่อเป็นการควบคุมตามกฎหมายของสาธารณสุข โดยในส่วนของกรมศุลกากรยืนยันว่าไม่มีนโยบายเพิ่มอัตราภาษีสินค้าผ้าอนามัยแบบสอดแต่อย่างใด ที่สำคัญหากมีการนำเข้าโดยใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ก็จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าอีกด้วย

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมฯไม่มีนโยบายจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และไม่เคยกำหนดผ้าอนามัยอยู่ในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตด้วย โดยปัจจุบันผ้าอนามัยเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เท่านั้น ไม่ได้เสียภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยหรือมีเพดานการจัดเก็บภาษีที่สูงแต่อย่างใด เนื่องจากสินค้าผ้าอนามัยไม่ได้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เป็นสินค้าที่มีความจำเป็น ที่ผู้หญิงต้องใช้ในชีวิตประจำวัน

ในนิยามการเสียภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย คือ ถ้าไม่มีใช้ก็ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ถ้าส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันก็ถือว่าเป็นสินค้าที่ไม่ฟุ่มเฟือย โดยปัจจุบันกรมสรรพสามิตมีการจัดเก็บภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยเพียงรายการเดียว คือ น้ำหอมในอัตราภาษีตามมูลค่าที่ 8%