เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่โรงแรมวังน้ำเย็นการ์เด้นท์ ต.วังน้ำเย็น อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว พร้อมด้วยนายตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ร่วมต้อนรับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศพดส.ตร. และคณะ ลงพื้นที่ร่วมตรวจการคัดแยกค้ามนุษย์และเหยื่อคนไทยที่ถูกหลอกลวงไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศกัมพูชา ภายหลังเจ้าหน้าที่กัมพูชาบุกเข้าช่วยเหลือกลุ่มคนไทย 32 คน ที่ส่งคลิปขอความช่วยเหลือผ่านสื่อและขอความช่วยเหลือผ่านสถานทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ รวมทั้งหมด 56 คน หลังจากถูกนายทุนจีนขายต่อไปยังเมืองสีหนุวิลล์ โดนถูกกักขัง อดข้าว อดน้ำ หลายวัน พร้อมประสานส่งตัวกลับมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้เดินทางมารับตัวคนไทยกลุ่มนี้ด้วยตนเอง ก่อนนำมากักตัวตามมาตรการสาธารณสุขที่โรงแรมวังน้ำเย็นการ์เด้นเด้นท์ จนครบ 7 วัน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการก่อนหน้านี้ว่า กระบวนการรับตัวคนไทยหลังกลับมาจากประเทศกัมพูชาแล้ว จะมีการดำเนินการอยู่ 2 ส่วน คือ การรับตัวคนไทยที่ถูกหลอกไปทำออนไลน์จริง ๆ กับ คนไทยที่สมัครใจลักลอบข้ามแดนไปทำงานฝั่งกัมพูชา ซึ่ง ศพดส.ตร.ได้ปรับแผนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะแยกดำเนินการให้ชัดเจน เฉพาะคนไทยที่สมัครใจไปทำงานในฝั่งกัมพูชา เพื่อหลอกลวงคนไทยในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยกัน นอกจากจะดำเนินคดีในการลักลอบข้ามแดนแล้วจะเพิ่มกฎหมายในเรื่องของอาชญากรข้ามชาติเข้ามาเพิ่มเติมอีก เพื่อเป็นการเพิ่มบทลงโทษให้รุนแรงมากขึ้น ดังนั้นหลังมีการคัดแยกกลุ่มคนไทยทั้งหมดว่า เป็นเหยื่อค้ามนุษย์หรือไม่ หากไม่ใช่จะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้มีการลักลอบออกไปอีก และเมื่อไปแล้วไม่ได้ค่าจ้างหรือเงินอื่นๆ ตามข้อตกลง ก็ร้องเรียนขอให้เจ้าหน้าที่มีการช่วยเหลือกลับประเทศไทยอีก

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันประเทศทั่วโลกเกี่ยวข้องกับขบวนการการค้ามนุษย์ทั้งสิ้น แต่อาจจะเป็นรูปแบบทางผ่าน ต้นทาง ปลายทาง แต่ประเทศไทยอยู่ใน 3 สถานะ เพราะงั้นรูปแบบการค้ามนุษย์ที่พบและมีปัญหามากที่สุดคือชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีพื้นที่ติดต่อกันระหว่าง จ.สระแก้ว กับรอยต่อปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยสิ่งสำคัญคือคนไทยทั้งถูกหลอกหลวง ถูกบังคับไปค้ามนุษย์ ไปบังคับใช้แรงงานเยี่ยงทาส ไปแสวงหาประโยชน์ในประเทศกัมพูชา อีกส่วนหนึ่งไปสมัครใจทำคอลเซ็นเตอร์เพื่อมาหลอกคนไทย ฉะนั้นจะมีอยู่ 2 ส่วนคือ สมัครใจ กับ ถูกบังคับ ซึ่งคนไทยที่สามารถช่วยกลับมาได้แล้วมี 600 กว่าคน จะแยกทำ 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์จะช่วยเหลือ แต่ส่วนที่ไม่ใช่เหยื่อได้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เครือข่ายการใช้โทรศัพท์ถ้าพบการกระทำความผิดจะดำเนินคดีทั้งหมดตั้งแต่ฐานความผิด มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ/ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนในกรณีหลอกหลวงคนไทย ซึ่งรูปแบบมีทั้งหลอกโอนเงิน หลอกลงทุน ซึ่งมีคนไทยถูกหลอกหลวงจำนวนมาก และคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีคนจีนที่ใช้ชื่อคนไทย เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีคนไทยไปทำและมาหลอกกันเอง ไม่มีใครมาหลอกคนไทยได้ การจะหลอกคนในประเทศไหน ต้องใช้คนในประเทศนั้น เพราะพูดภาษาเดียวกันได้

ทั้งนี้จากข้อมูลรายงานยังพบว่ามีคนไทยอยู่ในประเทศกัมพูชาอีกประมาณ 3,000 กว่าคน ซึ่งรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาได้หารือกันแล้ว และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จะเดินทางไปกัมพูชาในเร็วๆ นี้ เพื่อหารือทำการผลักดันกลับมาประเทศไทยทั้งหมด และจะทำการคัดแยกส่วนไหนเป็นเหยื่อที่ถูกบังคับต้องช่วยเหลือ ส่วนไหนเป็นคนที่ออกหมายจับไว้ ต้องจับกุมดำเนินคดีในส่วนของความผิด

อย่างไรก็ตามสำหรับคนไทย 56 คน ที่คัดแยกในเบื้องต้นพบว่า มีผู้ที่ไม่ใช่เหยื่อจำนวน 12 คน ซึ่งก็จะต้องถูกดำเนินคดีฐานความผิดมีส่วนร่วมอาชญากรรมข้ามชาติและฉ้อโกงประชาชน และมีผู้กระทำผิดหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจำนวน 37 ราย จะต้องถูกปรับชำระตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมืองอัตราสูงสุด.