เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น., พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น., พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น., พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม รอง ผบก.น.8 และเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.8 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นผู้ต้องหา จํานวน 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายยงยุทธ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี 2.นายธีรพงศ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี 3.นางเพ็ญอนงค์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 61 ปี และ 4.น.ส.นันทวัน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจ สน.สำเหร่ ได้ประสานไปทาง กก.สส.บก.น.8 ว่า มีผู้เสียหายมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.สําเหร่ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 64 เวลา 18.00 น. โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากคนร้าย อ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทขนส่ง DHL สาขาแหลมฉบัง แจ้งว่ามีพัสดุที่ผู้เสียหายเป็นผู้ส่ง ส่งไปยังประเทศจีน ให้กับ นาย Cheng Li เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 64 พัสดุดังกล่าวถูกอายัดไว้ที่ศุลกากร สาขาแหลมฉบัง และบอกความผิดของการอายัดพัสดุนั้นให้เป็นความผิดตามกฎหมาย คือ พบหนังสือเดินทางปลอม จํานวน 12 เล่ม, สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารต่าง ๆ รวมจํานวน 9 เล่ม, บัตรเอทีเอ็ม จํานวน 9 ใบ ถูกอายัดไว้ที่ศุลกากร

จากนั้นแจ้งหมายเลขอ้างอิงพัสดุเลขที่ 490897 ให้ผู้เสียหายทราบ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ต่อมาคนร้ายได้บอกกับผู้เสียหายว่าจะโอนสายให้พูดคุยกับ พ.ต.ท.พีระพงศ์ หนูชนะ คนร้ายที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจสังกัด สภ.แหลมฉบัง เพื่อแจ้งความ และขอให้ทาง สภ.แหลมฉบัง ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่ DHL สาขาแหลมฉบัง เมื่อโอนสายไปหา พ.ต.ท.พีรพงศ์ (คนร้าย) ได้แจ้งกับผู้เสียหายว่า หลังจากที่พบพัสดุที่ผู้เสียหายส่งไปถึง นาย Cheng Li ที่ประเทศจีน จึงได้ตรวจสอบดูในระบบ พบว่าผู้เสียหายมีชื่อเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินร่วมกับผู้ต้องสงสัยอีก 12 คน โดยอ้างว่า นายนที ให้การซัดทอดมาถึงผู้เสียหาย ว่าผู้เสียหายเป็นผู้ขายสมุดบัญชีให้กับนายนที

จากนั้นโอนสายผู้เสียหายไปที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อคนร้ายรับสายก็อ้างว่า ชื่อ พ.ต.อ.ภูวนารถ ดวงดี แจ้งกับผู้เสียหายว่าเป็น ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ ทำการขอไอดีไลน์ของผู้เสียหาย เพื่อโทรไลน์มาหลอกลวงผู้เสียหายว่า เพื่อความบริสุทธิ์ จําเป็นต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้เสียหาย ขอให้ผู้เสียหายโอนเงินที่มีอยู่ในบัญชีธนาคารทั้งหมด เพื่อขอตรวจสอบ และเมื่อทําการตรวจสอบเส้นทางการเงินเรียบร้อยแล้ว ก็จะโอนเงินคืนกลับมาให้ผู้เสียหายภายใน 1 วัน ทำให้ผู้เสียหายหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่ได้รับแจ้ง จึงหลงเชื่อโอนเงินไปยังบัญชีคนร้าย รวมจำนวนทั้งสิ้น 14,700,000 บาท

เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ทําการสืบสวนขยายผล พบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ มีผู้ร่วมกระทําความผิด จํานวน 12 ราย จึงรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้พนักงานสอบสวน สน.สําเหร่ ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้กระทําความผิดมาดําเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้วจํานวน 4 ราย พร้อมทั้งยึดเงิน จํานวน 1.8 ล้านบาท ส่งคืนให้แก่ผู้เสียหาย อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหารายอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.