จากกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุถึงกรณีได้รับหมายจับจาก สน.บางขุนนนท์ ภายหลังอภิปรายทั่วไปเรื่องการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา โดยมีความพยายามจะเร่งรัดกระบวนการคดีต่างๆ ที่ยัดเยียดมาให้จากการปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะคดีที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ฟ้องตนเองในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อต้นปี 2563

‘โรม’ รับทราบข้อหา หมิ่นป่ารอยต่อฯ-ค้ามนุษย์ เชื่อถูกแกล้งให้หลุดส.ส.

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่พนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ นำตัว นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ส่งอัยการศาลแขวงตลิ่งชัน เพื่อพิจารณาสั่งคดีนั้น

ที่สำนักอัยการจังหวัดตลิ่งชัน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อัยการได้ทำการรับสำนวนจากพนักงานสอบสวนไว้ตรวจสอบ และให้พนักงานสอบสวนไปสอบปากคำตนเพิ่มเติม เนื่องจากเห็นว่า สำนวนการสอบสวน พฤติการณ์ และข้อหายังไม่สมบูรณ์ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นัดสอบปากคำอีกครั้งในวันที่ 31 มี.ค. เวลา 10.00น.

ส่วนประเด็นในการสอบสวนก็จะเป็นเรื่องพฤติการณ์ในการทำความผิด และข้อหาที่อาจจะมีเข้ามาเพิ่มเติม เบื้องต้นยังไม่ได้มีการนัดฟังคำสั่งจากทางอัยการ แต่คาดว่าจะมีการนัดเจออัยการอีกครั้งในวันที่ 21 เม.ย.65 หลังจากนี้พรรคก้าวไกลก็จะต้องพิจารณาเรื่องการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย

ทั้งในชั้นของตำรวจ และศาล ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 157 เพราะยอมรับว่าค่อนข้างแปลกใจว่า ทำไมศาลถึงอนุมัติออกหมายจับ ตนอยากรู้เหมือนกันว่าผู้พิพากษาท่านใดเป็นผู้เซ็นอนุมัติหมายศาล ซึ่งที่ต้องดำเนินคดีดับผู้ที่เกี่ยวข้องเพราะต้องการให้เป็นบรรทัดฐานว่า คดีที่ถูกนายสั่งมาจะไม่เป็นที่ยอมรับอีกต่อไป 

“ฝากบอกตำรวจและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องว่า ผมเข้าใจว่าบางคนจำใจต้องทำเพื่อปากเพื่อครอบครัวในสังคมแบบนี้ แต่ผมจะบอกว่าหากพวกท่านยังทำแบบนี้ประชาชนจะเสื่อมศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม และจะทำให้กลไกพังทั้งระบบ และต่อไปจะไม่เหลือคุณค่าอะไรเลย” นายรังสิมันต์ กล่าว

ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า จริงๆแล้วโรมไม่ได้มีพฤติกรรมหลบหนี ไม่จำเป็นที่จะต้องออกหมายจับด้วยซ้ำ ซึ่งสะท้อนได้อย่างชัดเจนถึงความผิดปกติกระบวนการยุติธรรมของประเทศ การทำงานหลังจากนี้ของพรรค ก็คงต้องทั้งรุกทั้งรับ เพราะอาจจะมีการยื่นหนังสื่อขอความเป็นธรรมจากศาลด้วย 

ฝากไปยังรัฐบาล “จับหนูตัวเดียวอย่าเผาทั้งนา” สิ่งที่คุณจะทำคือการปิดปากฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องการทำให้กลัว ทำให้กลไกลประชาธิปไตยไม่ทำงาน ในการที่ตรวจสอบหรือถ่วงดุลรัฐบาลเป็นสิ่งที่ ส.ส.ต้องทำอย่างให้ตนต้องพูดแค่สิ่งที่รัฐต้องการให้พูด แต่ต้องให้ตนพูดในความเป็นจริง ที่เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อน 

ทั้งนี้ตนไม่หมดกำลังใจที่จะเดินหน้าทำงานต่อ ไม่กังวลและไม่ประมาท ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้กำลังใจ และขอให้ทุกคนจับตามองในเรื่องนี้ต่อไป เพราะขนาดผู้แทนราษฎรยังถูกดำเนินคดีขนาดนี้ แล้วกับพี่น้องประชาชนจะขนาดไหน