เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมคณะแพทย์จากสถาบันนิติเวชวิทยา และคณะแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม แถลงก่อนประชุมดูข้อมูลทางคดี และวางแผนการสืบสวนสอบสวนคดี น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ ”แตงโม” โดยมี น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. ในฐานะผู้ร้อง เข้าร่วมฟังการแถลงด้วย

นายไตรยฤทธิ์ กล่าวว่า ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวน ร่วมกับบุคลากรในสาขาสหวิทยาการ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ที่เคยชันสูตรศพแตงโมในรอบแรก และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เข้าชันสูตรซ้ำในรอบที่ 2 พร้อมตั้งเป็นเลขาสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเสนอเข้าอนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณา เนื่องจากพฤติกรรมของคดีดังกล่าว ไม่อยู่ในบัญชีแนบท้ายตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ที่ดีเอสไอสามารถดำเนินการรับเป็นคดีพิเศษได้เลย แต่เนื่องจากมีผู้ร้องเข้ามา ดีเอสไอจึงต้องดำเนินการ โดยคดีนี้ ผู้ร้องไม่จำเป็นต้องเป็นมารดาของผู้เสียชีวิต แต่ประชาชน รัฐ เอกชน หรือองค์กรทั่วไปสามารถร้องได้ คาดว่าอนุกรรมการกลั่นกรองจะพิจารณาแล้วเสร็จภายวันที่ 15 เม.ย.นี้ หรือช้าสุดไม่เกินวันที่ 1 พ.ค. ก็จะทราบว่าต้องนำเรื่องเสนอให้บอร์ดคณะกรรมการคดีพิเศษ พิจารณารับเป็นคดีพิเศษหรือไม่

อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า การประชุมในวันนี้เป็นการประชุมครั้งแรก หลังมีผู้ร้องเรียนเพื่อให้ดีเอสไอพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ เพราะมองว่าคดีนี้มีลักษณะเป็นการฆาตกรรมอำพราง มีผู้มีอิทธิพลเข้าไปยุ่งเกี่ยวพยานหลักฐาน เบี่ยงเบนประเด็นการชันสูตรการเสียชีวิต และรายละเอียดของคดีมีความซับซ้อนน่าสงสัย เหมือนจงใจทำให้คดีนี้เป็นอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิต ทั้งที่ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด แม้มารดาของแตงโมไม่เห็นด้วย และไม่ต้องการให้เป็นคดีพิเศษ แต่คดีนี้เป็นคดีอาญาแผ่นดิน ต้องพิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาจาก 5 เงื่อนไข คือ คดีมีความซับซ้อน, เป็นที่สนใจของสังคม, กระทบต่อความมั่นคง, เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และเกี่ยวข้องผู้มีอิทธิพลหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ก็สามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดียังอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจ หากตำรวจสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องอัยการไปก่อน ดีเอสไอจะไม่สามารถดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อได้ ยกเว้นกรณีที่อัยการมีความเห็นสั่งสอบสวนเพิ่มเติม ดีเอสไอจึงสามารถรับมาพิจารณาเป็นคดีพิเศษต่อไปได้

ขณะที่ น.ส.รสนา กล่าวว่า คดีการเสียชีวิตของแตงโม เป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดินและกระทบต่อระบบกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งคดีมีเงื่อนงำหลายอย่าง และมีแนวโน้มการดำเนินคดีว่าประมาทหรืออุบัติเหตุ ทั้งที่คดีอาจเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง โดยมีผู้มีอิทธิพลเกี่ยวข้อง และมีขบวนการทำลายพยานหลักฐาน อาจมีการเบี่ยงเบนผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วย และปล่อยให้คนผิดลอยนวลหรือไม่ เพราะหลักฐานต่าง ๆ ยังค้านสายตาประชาชน หากปล่อยไปโดยที่สังคมไม่เชื่อมั่นการทำงานของตำรวจ ก็จะทำให้เกิดรัฐล้มเหลวได้ ยืนยันว่าที่ออกมาเรียกร้องคดีนี้ ไม่ใช่การหิวแสง แต่หิวความยุติธรรม โดยที่ผ่านมาติดตามเรื่องความเป็นธรรมมาตลอด และตนเองมีแสงในตัวเองอยู่แล้ว

“แม้คุณแม่แตงโมจะไม่ติดใจก็เป็นสิทธิของคุณแม่ แต่คดีนี้เป็นคดีที่กระทบต่อความมั่นคงโดยภาพรวม ไม่ใช่เป็นคดีที่ครอบครัวเป็นผู้เสียหายเท่านั้น ส่วนการที่ดีเอสไอจะรับไว้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ขอให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน และตนอยากให้การทำงานของเจ้าหน้าที่มีความเป็นธรรมตรงไปตรงมา” น.ส.รสนา กล่าว